- พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พรุโต๊ะแดง)

- ป่าชายเลนคุระบุรี, อ่าวจาก

- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าพระนครใต้ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

- พังงา

- สมุทรปราการ

- ไม้เลื้อย (Climber)

- - ถอบแถบน้ำ : เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 5-10 เมตร กิ่งเรียวยาว มักขึ้นตามฝั่งแม่น้ำและพื้นที่พรุใกล้กับทะเล
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวยีน มีใบย่อยประมาณ 1-2 คู่ และที่ปลายอีก 1 ใบ ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยมีขนาดสั้น ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบทู่ถึงมนกลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวก่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
- ผล : ออกผลเป็นฝักเบี้ยว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน ขอบฝักเป็นสันบางแคบๆ สันฝักด้านบนกว้างด้านล่างสองเท่า ฝักมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 เซนติเมตร ฝักเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร

- - ถอบแถบน้ำ : เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 5-10 เมตร กิ่งเรียวยาว มักขึ้นตามฝั่งแม่น้ำและพื้นที่พรุใกล้กับทะเล
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวยีน มีใบย่อยประมาณ 1-2 คู่ และที่ปลายอีก 1 ใบ ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยมีขนาดสั้น ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบทู่ถึงมนกลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวก่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
- ผล : ออกผลเป็นฝักเบี้ยว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน ขอบฝักเป็นสันบางแคบๆ สันฝักด้านบนกว้างด้านล่างสองเท่า ฝักมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 เซนติเมตร ฝักเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร

- - ถอบแถบน้ำ : เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 5-10 เมตร กิ่งเรียวยาว มักขึ้นตามฝั่งแม่น้ำและพื้นที่พรุใกล้กับทะเล
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวยีน มีใบย่อยประมาณ 1-2 คู่ และที่ปลายอีก 1 ใบ ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยมีขนาดสั้น ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบทู่ถึงมนกลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวก่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
- ผล : ออกผลเป็นฝักเบี้ยว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน ขอบฝักเป็นสันบางแคบๆ สันฝักด้านบนกว้างด้านล่างสองเท่า ฝักมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 เซนติเมตร ฝักเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร

- - ถอบแถบน้ำ : เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 5-10 เมตร กิ่งเรียวยาว มักขึ้นตามฝั่งแม่น้ำและพื้นที่พรุใกล้กับทะเล
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวยีน มีใบย่อยประมาณ 1-2 คู่ และที่ปลายอีก 1 ใบ ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยมีขนาดสั้น ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบทู่ถึงมนกลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวก่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
- ผล : ออกผลเป็นฝักเบี้ยว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน ขอบฝักเป็นสันบางแคบๆ สันฝักด้านบนกว้างด้านล่างสองเท่า ฝักมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 เซนติเมตร ฝักเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร

- - ถอบแถบน้ำ : เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ลำต้นมักทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 5-10 เมตร กิ่งเรียวยาว มักขึ้นตามฝั่งแม่น้ำและพื้นที่พรุใกล้กับทะเล
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวยีน มีใบย่อยประมาณ 1-2 คู่ และที่ปลายอีก 1 ใบ ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนก้านใบย่อยมีขนาดสั้น ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบทู่ถึงมนกลม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน มีเส้นใบประมาณ 8-10 คู่
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวก่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน
- ผล : ออกผลเป็นฝักเบี้ยว ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน ขอบฝักเป็นสันบางแคบๆ สันฝักด้านบนกว้างด้านล่างสองเท่า ฝักมีขนาดประมาณ 3 x 3.5 เซนติเมตร ฝักเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง มีเมล็ดเดี่ยว เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร

- เป็นไม้เถา เนื้อแข็ง ลำต้นมักเลื้อยทอดไปตามผิวดินหรือต้นไม้อื่น ยาว 5-10 ม. กิ่งเรียวยาว สีดำแกมน้ำตาล มีช่องอากาศกระจายทั่วไป
ใบ ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียนสลับ ก้านใบยาว 10-15 ซม. มีใบย่อย 1-2 คู่ และที่ปลาย อีก 1 ใบ ก้านใบย่อยสั้น แผ่นใบย่อยรูปไข่แกมรูปขอบขนาน รูปรีแกมรูปขอบขนาน ถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ขนาด 1.5-5x3-10 ซม. ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ปลายแหลมถึงเรียวแหลม โคนทู่ ถึงมนกลม เส้นใบ 8-10 คู่
ดอก แบบช่อเชิงลดมีก้าน ออกตามง่ามใบ ช่อดอกยาว 5-15 ซม. ดอกย่อยรูปดอกถั่วขนาดเล็ก มีสีขาวก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. ใบประดับและใบประดับย่อย ขนาดเล็ก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง แฉกกลีบเลี้ยงฝ่อหรือลดรูปลง กลีบดอก 5 กลีบ กลีบบนคล้ายรูปโล่ ยาวประมาณ 1 ซม. ก้านกลีบสั้น ปลายกลีบเว้าตื้น กลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน ยาวไล่เลี่ยกับกลีบคู่ล่างที่เชื่อมประสานกันเป็นรูปเรือ เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกัน เป็นแผ่น ออกดอกระหว่างเดืนเมษายน-สิงหาคม
ผล แบบฝักถั่ว (ฝักพองมีหลายล็ด) รูปทรงขอบขนานกว้าง เบี้ยว บาง แบน ขนาด 2-4x3-6 ซม. ผิวฝักเกลี้ยง มองเห็นเส้นลาร่างแหชัดเจน ปลายฝักเป็นติ่งแหลมสั้น ขอบฝักเป็นครีบแคบบาง สันฝักด้านบนแผ่เป็นครีบแคบ กว้างกว่าด้านล่างประมาณสองเท่า ฝักแก่สีเหลือง ไม่แตก เมล็ดอวบ รูปไต สีน้ำตาล ยาวประมาณ 1 ซม. มี 1-3 เมล็ด ฝักแห้งระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม

- เขตร้อนของแอฟริกา เอเชีย และตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย