-
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ลักษณะต้นเตี้ย มีลำต้นอยู่ใต้ดิน (เหง้า, rhizomes) เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดิน เมื่อเจริญเต็มที่จะมีสีน้ำตาลส้ม ลำต้นเหนือพื้นดินตั้งตรง แตกมาจากเหง้า เมื่อโตต้นจะนอนและชูยอดขึ้น ไม่มีแขนง ใบย่อยรูปไข่ สีเขียวอ่อนถึงเขียวปานกลาง ดอกมีสีส้มอ่อนถึงสีส้มสดใส ทนร่มเงาได้ดี
-
ลักษณะต้นสูงปานกลาง มีลำต้นอยู่ใต้ดิน(เหง้า, rhizomes) เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดิน ใบรูปไข่ สีเขียวอมน้ำเงินเข้ม แพร่กระจายพันธุ์ได้รวดเร็ว แต่ไม่เท่า CPI93475
-
ลักษณะต้นเตี้ย มีลำต้นอยู่ใต้ดิน(เหง้า, rhizomes) เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดิน ลำต้นเหนือพื้นดินตั้งตรง แตกมาจากเหง้า เมื่อโตต้นจะนอนและชูยอดขึ้น ไม่มีแขนงใบเป็นสี่แฉก ใบย่อยมีรูปร่างยาวรี รูปไข่ หรือไข่กลับ ขอบใบมีลักษณะเด่นชัด ผิวด้านบนของใบเรียบเกลี่ยง ในใบอ่อนอาจมีขนสั้นๆกระจายอยู่ ผิวด้านล่างของใบมีขนแนบกับผิวใบจนถึงเรียบเกลี้ยง
-
ลักษณะต้นเตี้ย มีลำต้นอยู่ใต้ดิน(เหง้า, rhizomes) เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดิน ลำต้นเหนือพื้นดินตั้งตรง แตกมาจากเหง้า เมื่อโตต้นจะนอนและชูยอดขึ้น ไม่มีแขนงใบเป็นสี่แฉก ใบย่อยมีรูปร่างยาวรี รูปไข่ หรือไข่กลับ ขอบใบมีลักษณะเด่นชัด ผิวด้านบนของใบเรียบเกลี่ยง ในใบอ่อนอาจมีขนสั้นๆกระจายอยู่ ผิวด้านล่างของใบมีขนแนบกับผิวใบจนถึงเรียบเกลี้ยง
-
ลำต้นอยู่ใต้ดิน เรียกว่า "เหง้า" (rhizomes) เมื่อเจริญเต็มที่จะมีสีน้ำตาลส้ม ลำต้นเหนือพื้นดินตั้งตรง แตกมาจากเหง้า เมื่อโตต้นจะนอนและชูยอดขึ้น ไม่มีแขนง ใบประกอบด้วย 4 ใบย่อย ลักษณะใบคล้ายหอก ไม่มีขนหรือมีขนเล็กน้อย ที่โคนก้านใบรวมมีหูก้านใบ 2 อัน ขนาดใหญ่ปลายแหลม เห็นชัดเจน ใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน ใบแก่มีสีเขียวอมเทา ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกมีสีส้มอมเหลือง เป็นดอกเดี่ยว ขนาดค่อนข้างกลม แบบสมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดเป็นหลอด ก้านของเกสรตัวผู้เชื่อมติดตลอดความยาว เกสรตัวเมียมีรังไข่ยาวแบบตั้งตรง หรือโค้งเล็กน้อย
-
ลักษณะต้นเตี้ย มีลำต้นอยู่ใต้ดิน เรียกว่า "เหง้า" (rhizomes) เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดิน เมื่อเจริญเต็มที่จะมีสีน้ำตาลส้ม ลำต้นเหนือพื้นดินตั้งตรง แตกมาจากเหง้า เมื่อโตต้นจะนอนและชูยอดขึ้น ไม่มีแขนงใบเป็นสี่แฉก ไม่มีขนถึงมีขนเล็กน้อย ดอกมีสีส้มอ่อนถึงสีส้มสดใส ทนแล้งและปรับตัวในพื้นที่ดินทรายและพื้นที่แห้งแล้งให้ผลผลิตใกล้เคียงพันธุ์ฟลอริเกรซแต่ทนแล้งได้ดีกว่า
-
ลำต้นเตี้ย ลำต้นจริงอยู่ใต้ดิน เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นคลุมดินใบเป็นสี่แฉก ดอกมีสีส้มอ่อนถึงสีส้มสดใส มีดอกดก
-
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ต้นสูงประมาณ 20 ซม.
-
ต้นสูงประมาณ 25 ซม.
-
ลำต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-5 มม. อยู่ใต้ดินลึก 5-7 ซม. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ลำต้นประมาณ 2-3 มม. สูงประมาณ 15-45 ซม. ใบประกอบ 2 ใบคู่บน มีความกว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 3-3.5 ซม. ดอกเดี่ยวขนาดค่อนข้างกลมกว้าง 15-20 มล. แบบสมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยง 5 กลีบเชื่อมติดเป็นหลอด กลีบดอก 5 กลีบเป็นแบบพาพิลิโอเนเซียส ก้านดอกยาว 10 ซม.
-
ต้นสูง 8-10 ซม.
-
สถานที่ชม :
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สุพรรณบุรี
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สุพรรณบุรี
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สุพรรณบุรี
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สุพรรณบุรี
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด สกลนคร กาฬสินธุ์ อุดรธานี เลย หนองคาย ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช และสตูล
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี, ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ประจงบคีรีขันธ์
-
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ลำปาง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร พัทลุง
-
การขยายพันธุ์ :
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
ขยายด้วยท่อนพันธุ์และกล้าพันธุ์
-
การกระจายพันธุ์ :
-
กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
-
พบทุกภาคของประเทศไทย
-
พบทุกภาคของประเทศไทย
-
ถิ่นกำเนิด :
-
เกิดจากการผสมข้าม ระหว่าง สายพันธุ์ Arb (PI 118457) กับ PI 151982 (CPI 22762) ในแปลงทดลองของมหาวิทยาลัยฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ถูกนำออกมาเผยแพร่กระจายพันธุ์โดย Prine และคณะ ในปี พ.ศ.2521 สำหรับประเทศไทยได้มีการนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ.2532 โดย Dr. D.s.Loch
-
มาตูโกรสซูดูซูล บราซิล
-
การเก็บเกี่ยว :
-
หลังจากปลูกควรให้ถั่วมีอายุมากกว่า 90 วันขึ้นไป จึงเริ่มตัดไปใช้ประโยชน์หรือปล่อยสัตว์ลงแทะเล็ม และตัดครั้งต่อไปทุกๆ 45-60 วัน ควรตัดให้สูงจากพื้นดิน 5 เซนติเมตร โดยเฉลี่ยจะตัดได้ประมาณ 6 ครั้งต่อปี นิยมเก็บถนอมไว้ในรูปของถั่วแห้ง เนื่องจากใบไม่ร่วง มีกลิ่นหอม และมีความน่ากินสูง