การพัฒนา TH-BIF


ระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย
ระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย (Thailand Biodiversity Information Facility หรือ TH-BIF) เป็นระบบเครือข่ายที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย ระหว่างหน่วยงานและภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกัน ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยงานประสานงานกลาง ระดับประเทศของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลาย ทางชีวภาพ ได้ดำเนินการพัฒนาระบบคลังข้อมูลฯ ขึ้นมา โดยมีศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษา มีเป้าหมายสำคัญในการทำหน้าที่ “ศูนย์กลางข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย” ตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ (พ.ศ. 2561 – 2565) ที่กำหนดให้เชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่กระจัดกระจายตามหน่วยงาน และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการพัฒนาระบบและขยายเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว 6 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2561 – 2566
ปีที่ 1 พัฒนาระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย และสถาปัตยกรรมพื้นฐานในการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน เข้าถึง และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหมายให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มที่หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพนำเข้า แลกเปลี่ยน และใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกันในลักษณะของ Single window โดยมีการแสดงผลข้อมูลพืช สัตว์ จุลินทรีย์ รวมถึงรายชื่อสิ่งมีชีวิตในพระนาม ทะเบียนชนิดพันธุ์ต่างถิ่น สถานภาพการคุกคามของสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย (Thailand Red Data) ข้อมูลงานวิจัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีการตรวจสอบข้อมูลอนุกรมวิธานกับฐานข้อมูลของ Global Biodiversity Information Facility (GBIF)
ปีที่ 2 พัฒนากระบวนการตรวจสอบข้อมูล โดยอาศัยกลไกการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญและ นักอนุกรมวิธาน โดยมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจการจัดทำระบบคลังข้อมูลฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 หน่วยงาน จาก 5 กระทรวง และ 1 องค์กรพัฒนาเอกชน และมีการเชื่อมโยงข้อมูลสถานภาพการคุกคามของโลก ตามบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) และเชื่อมต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพกับหน่วยงานรวม 7 หน่วยงาน ได้แก่ 1) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 2) กรมป่าไม้ 3) องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 4) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 5) กรมประมง 6) มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ 7) สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย
ปีที่ 3 พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบและการแสดงผลข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของพืช สัตว์ จุลินทรีย์ รวมถึงทะเบียนชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ สถานภาพการคุกคาม สถานภาพการคุ้มครองตามกฎหมาย พิกัดธนาคารพันธุกรรมและพิพิธภัณฑ์ ภูมิปัญญาและการใช้ประโยชน์ด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพ กฎหมายและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยให้บริการเชื่อมต่อข้อมูลด้วยระบบ open API ให้กับหน่วยงานที่สนใจ และส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานในระดับท้องถิ่น โดยศึกษาและพัฒนาต้นแบบระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้รองรับข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในเชิงพื้นที่ และพัฒนาแพลตฟอร์มของผู้เชี่ยวชาญออนไลน์ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในระบบ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการจัดทำระบบคลังข้อมูลฯ เพิ่มเติมอีก 1 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และมีการเชื่อมต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพกับหน่วยงานเพิ่มเติม 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) 2) กรมทรัพย์สินทางปัญญา 3) องค์การสวนพฤกษศาสตร์ 4) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) และ 5) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปีที่ 4 พัฒนาโครงสร้างของอนุกรมวิธานเพื่อการอ้างอิง สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลการอ้างอิง และช่วยในกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบให้ตอบสนองการให้บริการที่เข้าถึงง่าย รองรับการใช้งานระบบภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่ ระบบนิเวศ การแสดงผลข้อมูล การพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งนำเข้า/ปรับปรุงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เช่น ข้อมูลขอบเขตและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ (Ramsar site) จำนวน 15 แห่ง และได้ดำเนินการในการขยายการเชื่อมต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 2) กรมวิชาการเกษตร 3)มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ 5) องค์การสวนพฤกษศาสตร์
ปีที่ 5 พัฒนาระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ในพื้นที่สำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยคัดเลือกพื้นที่นำร่องที่มีศักยภาพพัฒนาเว็บไซต์พื้นที่นำร่อง นำเข้าและเชื่อมต่อข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแล้วกับระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย แบ่งได้ 3 ระดับ จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ 1) พื้นที่ระดับโลก ได้แก่ พื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง 2) พื้นที่ระดับประเทศ ได้แก่ ทะเลสาบสงขลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และ 3) พื้นที่ระดับท้องถิ่น ได้แก่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) จังหวัดสมุทรปราการ และได้พัฒนา Line Chat Bot เพื่อเป็นเครื่องมือสำรวจข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สะดวกต่อการใช้งานสำหรับบุคคลทั่วไปและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบและพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ง่ายต่อการเข้าถึง สืบค้น และใช้ประโยชน์ เพื่อขยายเครือข่ายการเชื่อมต่อข้อมูลสู่ระดับพื้นที่สนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) และครอบคลุมการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปมากขึ้น พร้อมทั้งได้ขยายเครือข่ายการเชื่อมต่อข้อมูลโดยการลงนามบันทึกความเข้าใจในการจัดทำระบบคลังข้อมูลฯ เพิ่มเติมอีก 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมีการนำเข้าและปรับปรุงข้อมูลในการเชื่อมต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จำนวน 7 หน่วยงาน ได้แก่ 1) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3) สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา และข้อมูลสิ่งมีชีวิตในพื้นที่นำร่อง 4) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 5) กรมประมง 6) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 7) มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย)
ปีที่ 6 พัฒนาระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย มุ่งขยายผลการดำเนินงานเชื่อมต่อข้อมูลเชิงพื้นที่สำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความพร้อมเพิ่มเติม จำนวน 1 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง รวมทั้งพัฒนา ปรับปรุง และนำเข้าข้อมูลพื้นที่นำร่อง 4 พื้นที่เดิม โดยการดำเนินงานในการพัฒนาและปรับปรุงระบบต้นแบบการจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ 5 พื้นที่นำร่องนี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์และเพื่อเป็นฐานทรัพยากรในระดับชุมชนและระดับจังหวัด และได้พัฒนาเครื่องมือสำรวจข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จาก Line Chat Bot สู่ แอพพลิเคชั่น (Application) ภายใต้ชื่อ TH-BIF Journey เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำรวจข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อการเรียนรู้และใช้ประโยชน์ต่อยอดจากฐานทรัพยากรชีวภาพของคนในพื้นที่ รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญในระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย เพื่อปรับปรุงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่นำเข้าและแสดงผลในระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ให้มีมาตรฐานและความสมบูรณ์ในการให้บริการข้อมูล และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมโครงสร้างการจัดเก็บชุดข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รองรับส่วนของ e-Portfolio และปรับความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของชุดข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ตอบสนองในส่วนของการแสดงผลของ Knowledge Graph โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการจัดทำระบบคลังข้อมูลฯ เพิ่มเติมอีก 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยบูรพา และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย รวมทั้งได้ดำเนินการนำเข้าและปรับปรุงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพที่ผ่านการตรวจสอบแล้วของข้อมูลพื้นที่นำร่องทั้ง 5 พื้นที่ และได้ดำเนินการในการขยายการเชื่อมต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1) พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา ๕๐ พรรษา สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2) หอพรรณไม้ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 3) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 4) กรมวิชาการเกษตร 5) อนุสัญญาสถานภาพ CITES
การใช้ประโยชน์ข้อมูล TH-BIF ในระดับต่างๆ
ผู้บริหาร สามารถจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับ นักอนุรักษ์ และผู้ดูแลกฎหมาย มีข้อมูลเพื่อพิทักษ์ ปกป้อง คุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพให้ยั่งยืน เกษตรกร มีข้อมูลที่สนับสนุนการเพิ่มผลผลิตทางด้านการเกษตรสำหรับ นักวิจัย สามารถติดตามข้อมูลงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อพัฒนาต่อยอดงานวิจัยในอนาคต ผู้ประกอบการ มีข้อมูลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางชีวภาพได้ ชุมชน มีเครื่องมือที่ดี ในการจัดเก็บ ดูแลปกปักรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ เข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ เพื่อสร้างเศรษฐกิจและรายได้
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากการใช้งานระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยที่เป็นฐาน ข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับการวางแผน การตัดสินใจในระดับนโยบายทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัย ลดภัยคุกคามและจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่น แบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมและยุติธรรม บริหารจัดการอย่างยั่งยืน ปกป้องทรัพย์สินของประเทศในเชิงทรัพย์สินทางปัญญา การบูรณาการข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการวางแผนและอนุรักษ์พืชป่า สัตว์ป่า เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสถานภาพการคุกคาม เพื่อการฟื้นฟูสู่สมดุล เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อการวิจัยและพัฒนา และเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน นวัตกรรมบริการเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มเพื่อจัดการความเสี่ยง การเผ้าระวังและแจ้งเตือน การให้บริการข้อมูลเชิงแผนที่เพื่อบริหารจัดการ การจำแนกสิ่งมีชีวิตด้วยสันฐานวิทยาและรูปภาพ การให้บริการกฎหมายน่ารู้และหาโจทย์เพื่อวิจัยพัฒนา การให้บริการความรู้แบบเชื่อมโยงชุมชน