ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ไม้ต้น
-
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยมและมีขนละเอียด มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ภูฎาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,500 เมตร ใบเป็นเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนท้องใบด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม ใบมีเส้นแขนงใบประมาณ 3-5 คู่ ออกจากโคน 1 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร เป็นร่องด้านบน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ โดยจะออกตามปลายกิ่ง มี 1 ช่อหรือหลายช่อ ยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีใบประดับหลุดร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูประฆังยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ปลายกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีขนติดทน ส่วนกลีบดอกสมมาตรด้านข้าง ลักษณะเป็นรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบบน 2 กลีบ และกลีบล่างอีก 3 กลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านในหลอดกลีบเป็นสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่าง กลีบกลางด้านในเป็นสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้านยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่เกลี้ยง มีต่อม ส่วนยอดเกสรเพศเมียมีแฉก 2 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผิวผลเกลี้ยงเป็นมัน มีกลิ่น ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวและแข็ง บ้างว่ามีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
-
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยมและมีขนละเอียด มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ภูฎาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,500 เมตร ใบเป็นเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนท้องใบด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม ใบมีเส้นแขนงใบประมาณ 3-5 คู่ ออกจากโคน 1 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร เป็นร่องด้านบน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ โดยจะออกตามปลายกิ่ง มี 1 ช่อหรือหลายช่อ ยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีใบประดับหลุดร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูประฆังยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ปลายกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีขนติดทน ส่วนกลีบดอกสมมาตรด้านข้าง ลักษณะเป็นรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบบน 2 กลีบ และกลีบล่างอีก 3 กลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านในหลอดกลีบเป็นสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่าง กลีบกลางด้านในเป็นสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้านยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่เกลี้ยง มีต่อม ส่วนยอดเกสรเพศเมียมีแฉก 2 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผิวผลเกลี้ยงเป็นมัน มีกลิ่น ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวและแข็ง บ้างว่ามีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
-
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยมและมีขนละเอียด มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ภูฎาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,500 เมตร ใบเป็นเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนท้องใบด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม ใบมีเส้นแขนงใบประมาณ 3-5 คู่ ออกจากโคน 1 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร เป็นร่องด้านบน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ โดยจะออกตามปลายกิ่ง มี 1 ช่อหรือหลายช่อ ยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีใบประดับหลุดร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูประฆังยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ปลายกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีขนติดทน ส่วนกลีบดอกสมมาตรด้านข้าง ลักษณะเป็นรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบบน 2 กลีบ และกลีบล่างอีก 3 กลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านในหลอดกลีบเป็นสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่าง กลีบกลางด้านในเป็นสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้านยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่เกลี้ยง มีต่อม ส่วนยอดเกสรเพศเมียมีแฉก 2 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผิวผลเกลี้ยงเป็นมัน มีกลิ่น ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวและแข็ง บ้างว่ามีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
-
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยมและมีขนละเอียด มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ภูฎาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,500 เมตร ใบเป็นเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนท้องใบด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม ใบมีเส้นแขนงใบประมาณ 3-5 คู่ ออกจากโคน 1 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร เป็นร่องด้านบน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ โดยจะออกตามปลายกิ่ง มี 1 ช่อหรือหลายช่อ ยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีใบประดับหลุดร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูประฆังยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ปลายกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีขนติดทน ส่วนกลีบดอกสมมาตรด้านข้าง ลักษณะเป็นรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบบน 2 กลีบ และกลีบล่างอีก 3 กลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านในหลอดกลีบเป็นสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่าง กลีบกลางด้านในเป็นสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้านยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่เกลี้ยง มีต่อม ส่วนยอดเกสรเพศเมียมีแฉก 2 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผิวผลเกลี้ยงเป็นมัน มีกลิ่น ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวและแข็ง บ้างว่ามีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
-
จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 15-25 เมตร กิ่งอ่อนเป็นสันสี่เหลี่ยมและมีขนละเอียด มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง โดยพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ภูฎาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาค โดยมักจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,500 เมตร ใบเป็นเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือแหลมยาว โคนใบเป็นรูปลิ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ส่วนท้องใบด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม ใบมีเส้นแขนงใบประมาณ 3-5 คู่ ออกจากโคน 1 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร เป็นร่องด้านบน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ โดยจะออกตามปลายกิ่ง มี 1 ช่อหรือหลายช่อ ยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีใบประดับหลุดร่วงได้ง่าย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูประฆังยาวประมาณ 0.3-0.4 เซนติเมตร ปลายกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีขนติดทน ส่วนกลีบดอกสมมาตรด้านข้าง ลักษณะเป็นรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบบน 2 กลีบ และกลีบล่างอีก 3 กลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกเป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนด้านในหลอดกลีบเป็นสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่าง กลีบกลางด้านในเป็นสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้สั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้านยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่เกลี้ยง มีต่อม ส่วนยอดเกสรเพศเมียมีแฉก 2 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ผิวผลเกลี้ยงเป็นมัน มีกลิ่น ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวและแข็ง บ้างว่ามีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
พื้นที่ชุ่มน้ำหนองบงคาย
-
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอนศิลา
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอยพระบาท
-
อุทยานแห่งชาติ เขาค้อ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาลำปี-หาดท้ายเหมือง
-
อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ แจ้ซ้อน
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
-
อุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
-
อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
-
อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
-
อุทยานแห่งชาติ นายูง-น้ำโสม
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกแม่สุรินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ ลำคลองงู
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาประ-บางคราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสอยดาว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสอยดาว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสอยดาว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เชียงดาว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง