-
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ไม้ต้นขนาดเล็ก
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นมีหนามหรือไม่มี มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมีขนตามเส้นแขนงใบด้านล่าง ขอบจักฟันเลื่อย ปลายจักมีต่อม ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลีบเลี้ยง 3-7 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตื้น ๆ รังไข่มี 5-7 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมีย 5-6 อัน แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 2-2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกม้า ผลผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-2.5 ซม. สุกสีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นมีหนามหรือไม่มี มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมีขนตามเส้นแขนงใบด้านล่าง ขอบจักฟันเลื่อย ปลายจักมีต่อม ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลีบเลี้ยง 3-7 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตื้น ๆ รังไข่มี 5-7 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมีย 5-6 อัน แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 2-2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกม้า ผลผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-2.5 ซม. สุกสีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นมีหนามหรือไม่มี มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมีขนตามเส้นแขนงใบด้านล่าง ขอบจักฟันเลื่อย ปลายจักมีต่อม ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลีบเลี้ยง 3-7 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตื้น ๆ รังไข่มี 5-7 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมีย 5-6 อัน แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 2-2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกม้า ผลผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-2.5 ซม. สุกสีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นมีหนามหรือไม่มี มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมีขนตามเส้นแขนงใบด้านล่าง ขอบจักฟันเลื่อย ปลายจักมีต่อม ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลีบเลี้ยง 3-7 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตื้น ๆ รังไข่มี 5-7 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมีย 5-6 อัน แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 2-2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกม้า ผลผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-2.5 ซม. สุกสีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น ลำต้นมีหนามหรือไม่มี มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมีขนตามเส้นแขนงใบด้านล่าง ขอบจักฟันเลื่อย ปลายจักมีต่อม ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลีบเลี้ยง 3-7 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตื้น ๆ รังไข่มี 5-7 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมีย 5-6 อัน แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคน ยาว 2-2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกม้า ผลผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-2.5 ซม. สุกสีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน
-
ใบ - ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ขนาดของใบค่อนข้างเล็ก มักเรียงชิดกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง มีรูปร่าง ขนาด เนื้อใบ และขนที่ขึ้นปกคลุมแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วแผ่นใบจะเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบกลม โคนใบสอบแคบ ส่วนขอบใบค่อนข้างเรียบหรือจัก (มักจักใกล้ปลายใบ) ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร แผ่นใบบางคล้ายกระดาษถึงหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบเกลี้ยงถึงมีขนสั้นหนานุ่มทั้งสองด้าน ใบอ่อนและเส้นกลางใบเป็นสีแดงอมส้ม เส้นแขนงใบมีประมาณ 4-6 คู่ เส้นใบย่อยสานกันเป็นร่างแห พอเห็นได้รางๆ ก้านใบเป็นสีเขียวหรือแดงและมีขนยาวประมาณ 3-8
มิลลิเมตร
ดอก - ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ โดยจะออกเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบและปลายกิ่งมีจร ดอกย่อยมีจำนวนน้อย ดอกมีขนาดเล็กเป็นสีขาว เป็นดอกแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น ที่โคนช่อมีใบประดับ บางทีมีหนาม ก้านดอกมีขน ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร กลีบดอกมีประมาณ 5-6 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่ ปลายมน ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ที่ขอบกลีบมีขนแน่น ส่วนด้านนอกค่อนข้างเกลี้ยง ดอกเพศผู้ จานฐานดอกจะแยกเป็นแฉกเล็กน้อยหรือหยักมน มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านเกสรยาวประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร มีขนเฉพาะที่โคน ส่วนดอกเพศเมีย จานฐานดอกจะเรียบ รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รังไข่กลม ปลายสอบแคบ มี 1 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมีประมาณ 5-6 อัน ยาวได้ประมาณ 1 มิลลิเมตร แต่ละก้านปลายจะแยกออกเป็น 2 แฉก และม้วนออก ส่วนกลีบเลี้ยงมีประมาณ 5-6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายมน มีขนาดกว้างประมาณ 1 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ผิวด้านในและขอบมีขนขึ้นหนาแน่น ส่วนด้านนอก
เกลี้ยง
ผล - ผลจะออกเดี่ยวๆ หรือออกเป็นพวงเล็กๆ ตามกิ่ง ลักษณะของผลเป็นรูปกลมหรือรี มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ ลักษณะชุ่มน้ำ ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 5-8 เมล็ด มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผล ผลจะสุกในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม
-
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ไม้ต้น ลำต้น: สูง 8 ม. เปลือก: เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน มีหนามเป็นคู่ ใบ: เป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่กลับ กว้าง 3-3.5 ซม. ยาว 4.5-5.5 ซม. ปลายใบมนหรือมีติ่ง ขอบใบเป็นซี่ห่างๆ ผิวเรียบหรือมีขนกระจาย ดอก: ช่อดอกออกที่ซอกใบ ดอกขนาดเล็ก สีเขียวอ่อน กลีบเลี้ยง 4-6 กลีบ ไม่มีกลีบดอก ดอกเพศผู้ มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก มีขนที่ฐาน ดอกเพศเมีย ก้านเกสร 5-6 อัน โคนเชื่อมติดกันที่ฐาน ผล: ผลกลม สีแดง เมื่อสุกสีม่วงเข้ม มีรอยรูปดาวที่ปลาย เมล็ด 4-7 เมล็ด เรียงเป็นรูปดาว
-
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 2-15 เมตร มีหนามยาวตามลำต้นและกิ่งซึ่งหนามเหล่านี้จะร่วงไปเมื่อต้นโตเต็มที่ ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุก ใบมีรูปร่างหลายแบบ รูปไข่ถึงรูปหอก ขอบใบหยักเหมือนฟันเลื่อย แผ่นใบเรียบหรือมีขนนุ่มสั้น ปกคลุมบนผิวทั้งสองด้าน ก้านใบสีแดงยาวเรียว มีขนนุ่ม ๆ สั้นปกคลุมดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ มีดอกย่อย 4-6 ดอก มีกลุ่มขนนุ่มสั้น ๆ ปกคลุม ออกดอกบริเวณง่ามใบและบริเวณปลายกิ่ง ยาว 3-10 ซม. ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น ดอกมีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้มีก้านดอกยาว 4-7 มม. กลีบเลี้ยงมี 4-6 กลีบ โคนติดกัน ปลายแยก ผล เป็นผลที่อ่อนนุ่ม ผลสุกมีสีดำ – แดง ลักษณะกลมหรือรูปไข่
-
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 2-15 เมตร มีหนามยาวตามลำต้นและกิ่งซึ่งหนามเหล่านี้จะร่วงไปเมื่อต้นโตเต็มที่ ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุก ใบมีรูปร่างหลายแบบ รูปไข่ถึงรูปหอก ขอบใบหยักเหมือนฟันเลื่อย แผ่นใบเรียบหรือมีขนนุ่มสั้น ปกคลุมบนผิวทั้งสองด้าน ก้านใบสีแดงยาวเรียว มีขนนุ่ม ๆ สั้นปกคลุมดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ มีดอกย่อย 4-6 ดอก มีกลุ่มขนนุ่มสั้น ๆ ปกคลุม ออกดอกบริเวณง่ามใบและบริเวณปลายกิ่ง ยาว 3-10 ซม. ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น ดอกมีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้มีก้านดอกยาว 4-7 มม. กลีบเลี้ยงมี 4-6 กลีบ โคนติดกัน ปลายแยก ผล เป็นผลที่อ่อนนุ่ม ผลสุกมีสีดำ – แดง ลักษณะกลมหรือรูปไข่
-
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 2-15 เมตร มีหนามยาวตามลำต้นและกิ่งซึ่งหนามเหล่านี้จะร่วงไปเมื่อต้นโตเต็มที่ ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุก ใบมีรูปร่างหลายแบบ รูปไข่ถึงรูปหอก ขอบใบหยักเหมือนฟันเลื่อย แผ่นใบเรียบหรือมีขนนุ่มสั้น ปกคลุมบนผิวทั้งสองด้าน ก้านใบสีแดงยาวเรียว มีขนนุ่ม ๆ สั้นปกคลุมดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ มีดอกย่อย 4-6 ดอก มีกลุ่มขนนุ่มสั้น ๆ ปกคลุม ออกดอกบริเวณง่ามใบและบริเวณปลายกิ่ง ยาว 3-10 ซม. ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น ดอกมีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้มีก้านดอกยาว 4-7 มม. กลีบเลี้ยงมี 4-6 กลีบ โคนติดกัน ปลายแยก ผล เป็นผลที่อ่อนนุ่ม ผลสุกมีสีดำ – แดง ลักษณะกลมหรือรูปไข่
-
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 2-15 เมตร มีหนามยาวตามลำต้นและกิ่งซึ่งหนามเหล่านี้จะร่วงไปเมื่อต้นโตเต็มที่ ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุก ใบมีรูปร่างหลายแบบ รูปไข่ถึงรูปหอก ขอบใบหยักเหมือนฟันเลื่อย แผ่นใบเรียบหรือมีขนนุ่มสั้น ปกคลุมบนผิวทั้งสองด้าน ก้านใบสีแดงยาวเรียว มีขนนุ่ม ๆ สั้นปกคลุมดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ มีดอกย่อย 4-6 ดอก มีกลุ่มขนนุ่มสั้น ๆ ปกคลุม ออกดอกบริเวณง่ามใบและบริเวณปลายกิ่ง ยาว 3-10 ซม. ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น ดอกมีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้มีก้านดอกยาว 4-7 มม. กลีบเลี้ยงมี 4-6 กลีบ โคนติดกัน ปลายแยก ผล เป็นผลที่อ่อนนุ่ม ผลสุกมีสีดำ – แดง ลักษณะกลมหรือรูปไข่
-
จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-15 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง ปลายกิ่งโค้งลง ตามลำต้นและกิ่งใหญ่จะมีหนามแหลม กิ่งอ่อนจะมีหนามแหลมตามซอกใบ หนามยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนกิ่งแก่ๆ มักจะไม่มีหนาม เปลือกต้นเป็นสีเหลืองอมเทาแตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศรูปรีกระจายแบบห่างๆ
-
การกระจายพันธุ์ :
-
ออกดอก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
-
ออกดอก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
-
ออกดอก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
-
ออกดอก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน
-
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
พื้นที่ชุ่มน้ำหนองบงคาย
-
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
-
ป่าดอยอินทนนท์, เขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอนศิลา
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
-
อุทยานแห่งชาติ เขาค้อ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาปู่-เขาย่า
-
อุทยานแห่งชาติ ทับลาน
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วาง
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาบรรทัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คลองยัน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คลองแสง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซับลังกา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
-
อุทยานแห่งชาติ ตาพระยา
-
สุรินทร์
-
บ้านทำนบ หมู่ที่ 4 ต.กันตวจระมวล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
-
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
อุตรดิตถ์,แพร่
-
เชียงใหม่
-
เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
แม่ฮ่องสอน
-
เพชรบูรณ์
-
พัทลุง
-
นครราชสีมา, ปราจีนบุรี
-
เลย
-
เลย
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา
-
สุราษฎร์ธานี
-
สุราษฎร์ธานี
-
ลพบุรี
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ราชบุรี
-
พะเยา
-
กาญจนบุรี
-
ลำปาง
-
บุรีรัมย์, สระแก้ว
-
ป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน
-
สุรินทร์
-
การขยายพันธุ์ :
-
วิธีที่ดีคือการแยกหน่อ และยังทำได้ทั้งการตอน, เพาะเมล็ด
-
วิธีที่ดีคือการแยกหน่อ และยังทำได้ทั้งการตอน, เพาะเมล็ด
-
วิธีที่ดีคือการแยกหน่อ และยังทำได้ทั้งการตอน, เพาะเมล็ด
-
วิธีที่ดีคือการแยกหน่อ และยังทำได้ทั้งการตอน, เพาะเมล็ด
-
วิธีที่ดีคือการแยกหน่อ และยังทำได้ทั้งการตอน, เพาะเมล็ด