Toggle navigation
หน้าแรก
ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
สัตว์
พืช
จุลินทรีย์ และ สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้อง
เกี่ยวกับ TH-BIF
การพัฒนา TH-BIF
หน่วยงานเครือข่ายที่สนับสนุนข้อมูล
การจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิต
แนวทางปฏิบัติในการสร้างธรรมมาภิบาลข้อมูลของระบบคลังข้อมูลฯ
ข้อมูลเชิงพื้นที่
แผนที่แสดงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย
ข้อมูลเชิงพื้นที่ของพื้นที่นำร่อง
ข้อมูลสำรวจ
ข้อมูลเฉพาะเรื่อง
สถานภาพการคุกคาม
ทะเบียนชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน
พรรณพืชและพรรณสัตว์ในพระนาม
สถานะอนุสัญญา CITES
ผู้เชี่ยวชาญ
ทำเนียบผู้เชี่ยวชาญ
ลงทะเบียนผู้เชี่ยวชาญ
ข่าวประชาสัมพันธ์
ติดต่อเรา
เอกสารเผยแพร่
แบบประเมินผลความพึงพอใจ
LOGIN
ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
หน้าแรก
ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
Curcuma aeruginosa
Curcuma aeruginosa
ชื่อวิทยาศาสตร์แบบเต็ม:
Curcuma aeruginosa
Roxb.
Status:
ACCEPTED
ชื่อไทย::
-
ว่านมหาเมฆ
ชื่อท้องถิ่น::
-
ว่านมหาเมฆ
-
-
อาณาจักร::
Plantae
ไฟลัม::
Tracheophyta
ชั้น::
Liliopsida
อันดับ:
Zingiberales
วงศ์::
Zingiberaceae
สกุล:
Curcuma
วันที่อัพเดท :
19 มิ.ย. 2562 03:39 น.
วันที่สร้าง:
19 มิ.ย. 2562 03:39 น.
ข้อมูลทั่วไป
ระบบนิเวศ :
-
Cultivated.
การกระจายพันธุ์ :
-
India, Myanmar, Indochina and Peninsular Malaysia.
-
ปลูกกันแพร่หลายเป็นพืชสมุนไพร ในมาเลเซีย อินเดีย และประเทศแถบอินโดจีน
-
ปลูกกันแพร่หลายเป็นพืชสมุนไพร ในมาเลเซีย อินเดีย และประเทศแถบอินโดจีน
-
ปลูกกันแพร่หลายเป็นพืชสมุนไพร ในมาเลเซีย อินเดีย และประเทศแถบอินโดจีน
-
ปลูกกันแพร่หลายเป็นพืชสมุนไพร ในมาเลเซีย อินเดีย และประเทศแถบอินโดจีน
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
Cultivated
-
นครศรีธรรมราช
-
ป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
เหง้าสีสนิมทองแดง รูปไข่ ขนาด 4-7 x 3-5 ซม. ด้านในของเหง้าสีฟ้าอมเขียว ส่วนเหนือดินสูง 80-90 ซม. ใบรูปร่างไข่กลับแกมรูปรี ขนาด 35-45 x 9-12 ซม. สีเขียว มีแถบสีม่วงขนานตามแนวเส้นกลางใบ ช่อดอกเกิดจากเหง้า ใบประดับสีเขียว ใบประดับส่วนยอด สีชมพูหรือแดง กลีบดอกสีแดง เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันและกลีบปากสีเหลือง อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่นสามเหลี่ยมปลายแหลม ชี้ลง รังไข่มีขนคลุม
-
เหง้าสีสนิมทองแดง รูปไข่ ขนาด 4-7 x 3-5 ซม. ด้านในของเหง้าสีฟ้าอมเขียว ส่วนเหนือดินสูง 80-90 ซม. ใบรูปร่างไข่กลับแกมรูปรี ขนาด 35-45 x 9-12 ซม. สีเขียว มีแถบสีม่วงขนานตามแนวเส้นกลางใบ ช่อดอกเกิดจากเหง้า ใบประดับสีเขียว ใบประดับส่วนยอด สีชมพูหรือแดง กลีบดอกสีแดง เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันและกลีบปากสีเหลือง อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่นสามเหลี่ยมปลายแหลม ชี้ลง รังไข่มีขนคลุม
-
เหง้าสีสนิมทองแดง รูปไข่ ขนาด 4-7 x 3-5 ซม. ด้านในของเหง้าสีฟ้าอมเขียว ส่วนเหนือดินสูง 80-90 ซม. ใบรูปร่างไข่กลับแกมรูปรี ขนาด 35-45 x 9-12 ซม. สีเขียว มีแถบสีม่วงขนานตามแนวเส้นกลางใบ ช่อดอกเกิดจากเหง้า ใบประดับสีเขียว ใบประดับส่วนยอด สีชมพูหรือแดง กลีบดอกสีแดง เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันและกลีบปากสีเหลือง อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่นสามเหลี่ยมปลายแหลม ชี้ลง รังไข่มีขนคลุม
-
เหง้าสีสนิมทองแดง รูปไข่ ขนาด 4-7 x 3-5 ซม. ด้านในของเหง้าสีฟ้าอมเขียว ส่วนเหนือดินสูง 80-90 ซม. ใบรูปร่างไข่กลับแกมรูปรี ขนาด 35-45 x 9-12 ซม. สีเขียว มีแถบสีม่วงขนานตามแนวเส้นกลางใบ ช่อดอกเกิดจากเหง้า ใบประดับสีเขียว ใบประดับส่วนยอด สีชมพูหรือแดง กลีบดอกสีแดง เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันและกลีบปากสีเหลือง อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่นสามเหลี่ยมปลายแหลม ชี้ลง รังไข่มีขนคลุม
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กะทูน
-
สุรินทร์
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ราก - เป็นระบบรากฝอย กระจายออกจากเหง้าใต้ดิน มีบริเวณใกล้ปลายของรากมีการสะสมอาหารทำให้พองโตเป็นก้อนขนาดใหญ่
ลำต้น - มีลำต้นแท้ใต้ดิน หรือที่เรียกว่า เหง้าหรือหัว หัวมีลักษณะค่อนข้างกลม แตกแขนงออกเป็นแง่ง คล้ายหัวขิง
ใบ/กาบใบ - เป็นลำต้นเทียมที่แตกออกมาจากเหง้าใต้ดิน โผล่ขึ้นมามองให้เห็นเหนือดิน ใบเป็นใบเดี่ยว ใบและกาบใบมีสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กาบใบยาวประมาณ 5-10 ซม. ตัวใบกว้างประมาณ 7-10 ซม. ยาวประมาณ 15-23 ซม. ใบมีลักษณะคล้ายใบขิง เรียวยาวเป็นรูปหอก ใบจะแห้งและร่วงไปในช่วงหน้าหนาวเดือนธันวาคม เหลือเพียงหัวที่อยู่ใต้ดิน จนถึงต้นหน้าฝนหลังฝนตกแล้วจึงค่อยออกดอกให้เห็น พร้อมกับเริ่มแทงใบใหม่ออกมาหลังดอกบาน
ดอก - ออกเป็นช่อ แทงออกบริเวณใจกลางของลำต้น มีก้านดอกมักเป็นสีขาวหรือสีแดงม่วง ส่วนตัวดอกที่มองเห็นจะเป็นใบประดับ มักมีหลายสีผสมกัน อาทิ สีแดง สีชมพู สีขาว สีม่วง และสีเหลือง ก้านดอกมีลักษณะทรงกลมยาว ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. ยาวประมาณ 3-8 ซม. ตัวดอกประกอบด้วยใบประดับจำนวนมาก เรียงซ้อนกันขึ้นสูงเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 10-18 ซม. ภายในใบประดับจะเป็นดอกจริงที่มีรูปร่างคล้ายดอกกล้วยไม้ มีลักษณะเป็นหลอด มีกลีบดอกเป็นสีม่วง แต้มด้วยสีเหลือง โดยในแต่ละซอกของใบประดับจะดอก 2-7 ดอก และจะพัฒนาได้เป็นผลเพียง 2 ผล เนื่องจากผลมีขนาดใหญ่และอยู่ภายในซอกใบประดับได้เพียง 2 ผล ทั้งนี้ ดอกจะบานในช่วงเช้าหลังได้รับแสงแดด และจะค่อย
เหี่ยวในช่วงบ่าย ดอกออกเพียงปีละครั้ง ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ของทุกปี
ผล - พัฒนามาจากดอก ซึ่งส่วนมากในซอกของใบประดับมักพบประมาณ 2 ผล ผล
มีลักษณะกลม ภายในเป็นเมล็ดที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ดองุ่น ด้านปลายของเมล็ดมีเยื่อบางๆ สีขาว เมล็ดมีลักษณะเป็นแฉก
ข้อมูลภูมิปัญญา
-
ขมิ้นดำ :: ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma aeruginosa Roxb.ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAEชื่ออื่น ๆ : ว่านมหาเมฆ, ว่านขมิ้นดำ, อาวแดง, กระเจียวแดง, ขิงเนื้อดำ, ขิงดำ, ขิงสีน้ำเงินลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :- วิสัย : ไม้ล้มลุก อายุหลายปี- ลำต้น : แบ่งออกเป็น 2 ประเภท1 ) ลำต้นแท้ที่อยู่ใต้ดิน เราเรียกว่า “เหง้า”2 ) ลำต้นเทียมที่ขึ้นมาเหนือดินให้เห็น - เหง้า : เหง้าหลักรูปไข่ ข้อตามเหง้าแตกแขนงออกทั้งสองข้าง ข้อห่างหัวสั้นเป็นปุ่ม ภายนอกสีน้ำตาล ภายในมีสีเหลืองอมเขียวอ่อน หรือสีม่วงอมน้ำเงิน จึงมีคนเรียกว่า "ขิงดำ" หรือ "ขิงสีน้ำเงิน" มีกลิ่นหอมฉุน - ใบ : ใบเดี่ยว แทงขึ้นมาจากเหง้า ที่โคนใบจะมีกาบใบสีม่วงอมเขียวเรียงซ้อนกันเ
ข้อมูลพันธุกรรมอ้างอิง
Number
Accession number
Bioproject
DNA fingerprint
1
PRJNA918644
918644
2
PRJNA793382
793382
Number
Accession number
Bioproject
DNA fingerprint
ที่มาของข้อมูล
Checklist of Plants in Thailand Volume I ปี 2557 สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
โครงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น, กองทุนสิ่งแวดล้อม, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)
หน่วยงานผู้นำเข้าข้อมูล
สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้อง
Cyclosorus unitus
Dracaena loureiroi
Hedychium spicatum
Curcuma zedoaria
Terminalia phellocarpa
ผีเสื้อ
Alangium chinense
Previous
Next