- ไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 2.5 ม. ใบเรียงตรงข้าม รูปไข่ รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก ยาว 3–12 ซม. เรียบหรือแยกแขนง 1–3 ชั้น ขอบเรียบหรือจักฟันเลื่อย มีขนครุย แผ่นใบส่วนมากมีขนยาว ก้านใบยาว 1–7 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น ออกเดี่ยว ๆ หรือแยกแขนงแบบช่อเชิงหลั่น ก้านช่อยาว 1–9 ซม. ริ้วประดับส่วนมากมี 7–9 อัน รูปแถบ ยาว 3–5 มม. มีขนยาว วงใบประดับเส้นผ่านศูนย์กลาง 6–8 มม. ส่วนมากมี 8–9 ใบ รูปใบหอก ยาว 4–6 มม. ดอกวงนอกสีขาวหรืออมชมพู มี 3–8 กลีบ ส่วนมากยาว 0.7–1.5 ซม. ดอกวงในจำนวนมาก สีเหลือง ยาว 2–5 มม. ผลแห้งเมล็ดล่อน เป็นสี่เหลี่ยม มีขนยาว วงนอกสีน้ำตาลแดง ยาว 3–5 มม. วงในสีดำ ยาวกว่าประมาณ 2 เท่า แพปพัสมี 3–4 อัน ปลายมีขนเครา

- พืชล้มลุก อายุหลายปี ต้นสูง ๐.๓-๑.๕ เมตร ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม เกลี้ยงหรือมีขนสั้น-ยาวประปราย ใบเดี่ยวหรือใบประกอบแบบขนนก ๑ ชั้น ใบย่อยมักหยักเป็นพู ๒-๓ พู ลึกเกือบถึงแกนใบย่อย ใบย่อยรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบหยักมีขนสั้นประปราย ช่อดอกเป็นกระจุกกลม ก้านช่อยาว ๑๐-๓๐ เซนติเมตร มีใบประดับสีเขียวรูปช้อน หุ้มรอบโคนช่อดอกยาว ๕ มิลลิเมตร กลีบดอกวงนอกไม่มี หรือถ้ามีจะเป็นสีขาว มี ๕-๘ กลีบ กลีบรูปขอบขนาน-ไข่กลับ ยาว ๐.๕-๑.๕ เซนติเมตร (คล้ายดอกบานชื่น) เกสรและดอกวงในสีเหลือง กว้าง ๖-๘ มิลลิเมตร ติดเมล็ดสีดาจํานวนมาก รูปเรียว ยาว ๐.๗-๑.๖ เซนติเมตร เป็น เหลี่ยม ตามเหลี่ยมมีหนามสั้น ปลายเมล็ด มีระยางค์ ๒-๓ แห่ง และมีหนามตะขอย้อนกลับ, ขึ้นได้ทั่วประเทศ ทั้งในสภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือมีฝนตกชุก ออกดอกตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน พบมากตามพื้นที่เกษตรที่สูง สวนผลไม้และข้างทางหลวง, แพร่กระจายได้ดีด้วยเมล็ดที่มีหนามตะขอติดได้ดีกับขนสัตว์ เสื้อผ้า มูลสัตว์และเศษดิน

- ทวีปอเมริกาตอนกลาง

- เพชรบุรี,ประจวบคีรีขันธ์,ราชบุรี

- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง

- พื้นที่ป่าอนุรักษ์ของประเทศไทย/กลุ่มป่าแก่งกระจาน (อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี)

- อาหาร,ยอดอ่อนต้มรับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก