ข้อมูลสิ่งมีชีวิต


วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-9 ซม. ดอก เดี่ยว หรือออกเป็นกระจุก2ดอก ตามซอกใบหรือปลายกิ่งมีกลิ่นหอม ขนาด1ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-7 มม. กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกัน สีส้มหรือสีส้มแดง รูปไข่กลับ กว้าง 3-5 มม. ยาว 8-10 มม. ผิวเกลี้ยง เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น3มัด รังไข่เกลี้ยง ผล แห้งแตก กว้าง 8 มม. ยาว 1 ซม. เมล็ดมีปีก รูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 มม. ยาว 6-7 มม. ปีกแบนและบาง
- บรรยายลักษณะต้น:ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ 8-30 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ กิ่งอ่อนเกลี้ยงใบ:ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกัน ใบรูปไข่กลัีบหรือรูปหอก ขนาด 2-3.5x4.5-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบสอบ แผ่นใบบางเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ 8-10 เส้น ดอก:ดอกสีส้มหรือสีขาว กลิ่มหอมอ่อนๆ ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ กลีบเลี้ยงกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 อัน ลักษณะเป็นก้อนอวบน้ำสีเหลือง รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ แต่ละช่องมีออวุลจำนวนมากผล:ผลแห้งแตก รูปทรงขอบขนานปลายแหลม ผิวแข็ง สีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนดำ กลีบเลี้ยงเจริญขยายตัวหุ้มผลประมาณ 2/3 ของผล ผลแก่แตกตามรอยประสานเป็น 3 แฉก เมล็ดเล็กมีปีกโค้ง เรียงกันแน่นเป็นจำนวนมาก เปลือก:เปลือกสีน้ำตาลปนเทา เรียบหรือแตกเป็นร่องและเป็นสะเก็ดตามยาวของล้ำต้นอื่นๆ:ออกดอกเดือน มีนาคมถึงเมษายน เป็นผลเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน

ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ 8-30 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ กิ่งอ่อนเกลี้ยง
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกัน ใบรูปไข่กลัีบหรือรูปหอก ขนาด 2-3.5x4.5-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบสอบ แผ่นใบบางเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ 8-10 เส้น
ดอกสีส้มหรือสีขาว กลิ่มหอมอ่อนๆ ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ กลีบเลี้ยงกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 อัน ลักษณะเป็นก้อนอวบน้ำสีเหลือง รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ แต่ละช่องมีออวุลจำนวนมาก
ผลแห้งแตก รูปทรงขอบขนานปลายแหลม ผิวแข็ง สีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนดำ กลีบเลี้ยงเจริญขยายตัวหุ้มผลประมาณ 2/3 ของผล ผลแก่แตกตามรอยประสานเป็น 3 แฉก เมล็ดเล็กมีปีกโค้ง เรียงกันแน่นเป็นจำนวนมาก
เปลือกสีน้ำตาลปนเทา เรียบหรือแตกเป็นร่องและเป็นสะเก็ดตามยาวของล้ำต้น
ออกดอกเดือน มีนาคมถึงเมษายน เป็นผลเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน
- ไม้พุ่มหรือไม้ต้น ผลัดใบ สูงได้ถึง 25 ม. ลำต้นและกิ่งเรียบ เกลี้ยง มักมีหนาม ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 3–12 ซม. แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 2–5 มม. ปลายมน แหลม หรือแหลมยาว โคนรูปลิ่ม ช่อดอกมี 1–5 ดอก ออกสั้น ๆ ตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 1–3 มม. กลีบเลี้ยงรูปไข่ ยาว 5–7 มม. ปลายมน มีต่อมเป็นริ้วกระจาย ดอกสีชมพูอมแดงหรือส้ม กลีบรูปไข่กลับ ยาว 0.5–1 ซม. มีต่อมกระจาย ปลายกลม ไม่มีเกล็ด มัดเกสรเพศผู้ยาว 4–8 มม. ระหว่างมัดมีเกล็ดหนารูปลิ้นสีเหลือง ยาวประมาณ 3 มม. ก้านชูอับเรณูสั้น รังไข่เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2 มม. ผลรูปรี ยาว 0.8–1.2 ซม. กลีบเลี้ยงหุ้มเกินกึ่งหนึ่ง เมล็ดยาว 6–8 มม. รวมปีก
- ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-9 ซม. ดอก เดี่ยว หรือออกเป็นกระจุก2ดอก ตามซอกใบหรือปลายกิ่งมีกลิ่นหอม ขนาด1ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-7 มม. กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกัน สีส้มหรือสีส้มแดง รูปไข่กลับ กว้าง 3-5 มม. ยาว 8-10 มม. ผิวเกลี้ยง เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น3มัด รังไข่เกลี้ยง ผล แห้งแตก กว้าง 8 มม. ยาว 1 ซม. เมล็ดมีปีก รูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 มม. ยาว 6-7 มม. ปีกแบนและบาง
- ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-9 ซม. ดอก เดี่ยว หรือออกเป็นกระจุก2ดอก ตามซอกใบหรือปลายกิ่งมีกลิ่นหอม ขนาด1ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-7 มม. กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกัน สีส้มหรือสีส้มแดง รูปไข่กลับ กว้าง 3-5 มม. ยาว 8-10 มม. ผิวเกลี้ยง เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น3มัด รังไข่เกลี้ยง ผล แห้งแตก กว้าง 8 มม. ยาว 1 ซม. เมล็ดมีปีก รูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 มม. ยาว 6-7 มม. ปีกแบนและบาง
- ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-9 ซม. ดอก เดี่ยว หรือออกเป็นกระจุก2ดอก ตามซอกใบหรือปลายกิ่งมีกลิ่นหอม ขนาด1ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-7 มม. กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกัน สีส้มหรือสีส้มแดง รูปไข่กลับ กว้าง 3-5 มม. ยาว 8-10 มม. ผิวเกลี้ยง เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น3มัด รังไข่เกลี้ยง ผล แห้งแตก กว้าง 8 มม. ยาว 1 ซม. เมล็ดมีปีก รูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 มม. ยาว 6-7 มม. ปีกแบนและบาง
การกระจายพันธุ์ :
- พบตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 500-700 เมตร ออกดอกเดือน มี.ค.-พ.ค.
- พบในป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบแล้ง ความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 700 เมตร มีการกระจายพันธุ์ในจีน พม่า ไทย ภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู สุมาตรา บอร์เนียวและฟิลิปปินส์
- พบตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 500-700 เมตร ออกดอกเดือน มี.ค.-พ.ค.
- พบตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 500-700 เมตร ออกดอกเดือน มี.ค.-พ.ค.
- พบตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 500-700 เมตร ออกดอกเดือน มี.ค.-พ.ค.
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
- ป่าคำหัวแฮด ป่าหนองแปน ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมะอี่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสวนกวาง ป่าสงวนแห่งชาติป่าประดางและป่าวังก์เจ้า ป่าสงวนแห่งชาติป่านาซาวฝั่งซ้ายถนนแพร่-น่าน ป่าสงวนแห่งชาติป่าตะเบาะและป่าห้วยใหญ่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าสาลีก ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเป้ง ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูสีฐาน(ป่าภูผาซาน) ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงโพนทราย ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จางฝั่งซ้าย ป่าสงวนแห่งชาติป่าสีสุก ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อิงฝั่งขวา และป่าแม่งาว
- พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน
- อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
- ป่าดอยอินทนนท์, เขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ
- ภูผาเทิบ
- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอย
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาท่าเพชร
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาปะช้าง-แหลมขาม
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาวงจันแดง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาเหรง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอนศิลา
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่ากราด
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วังโป่ง-ชนแดน
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วังโป่ง-ชนแดน
- อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
- อุทยานแห่งชาติ ขุนแจ
- อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
- อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
- อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่
- อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่
- อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
- อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
- อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
- อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง
- อุทยานแห่งชาติ ดอยหลวง
- อุทยานแห่งชาติ ตะรุเตา
- อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
- อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
- อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
- อุทยานแห่งชาติ น้ำพอง
- อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
- อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
- อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
- อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
- อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
- อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
- อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
- อุทยานแห่งชาติ ภูพาน
- อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
- อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
- อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
- อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
- อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
- อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
- อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
- อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
- อุทยานแห่งชาติ แม่ปืม
- อุทยานแห่งชาติ รามคำแหง
- อุทยานแห่งชาติ รามคำแหง
- อุทยานแห่งชาติ ลานสาง
- อุทยานแห่งชาติ ศรีน่าน
- อุทยานแห่งชาติ ศรีน่าน
- อุทยานแห่งชาติ ศรีสัชนาลัย
- อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะชุมพร
- อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะเภตรา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาบรรทัด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาบรรทัด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คลองยัน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คลองแสง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เชียงดาว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เชียงดาว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซับลังกา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซับลังกา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โตนงาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โตนงาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผาผึ้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผาผึ้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พนมดงรัก
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พนมดงรัก
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูค้อ-ภูกระแต
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
- อุตรดิตถ์,แพร่
- เชียงใหม่
- มุกดาหาร
- ลำปาง
- สระบุรี
- สุราษฎร์ธานี
- สงขลา
- สระบุรี
- สงขลา
- เชียงราย
- พะเยา, เชียงราย
- สงขลา
- อุตรดิตถ์
- เพชรบูรณ์
- เพชรบูรณ์
- อุบลราชธานี
- เชียงราย
- อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
- ระยอง
- สระบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, นครนายก
- สระบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, นครนายก
- ลำพูน, ลำปาง
- ลำพูน, ลำปาง
- ลำปาง, ลำพูน
- พะเยา
- เชียงราย, ลำปาง, พะเยา
- สตูล
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- เพชรบูรณ์, พิษณุโลก
- ขอนแก่น, ชัยภูมิ
- เลย
- เลย
- เลย
- พะเยา, เชียงราย
- พะเยา, เชียงราย
- มุกดาหาร
- มุกดาหาร
- สกลนคร, กาฬสินธุ์
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
- มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
- มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
- เลย
- เลย
- เลย
- เชียงราย, พะเยา
- สุโขทัย
- สุโขทัย
- ตาก
- น่าน
- น่าน
- สุโขทัย
- ชุมพร
- ตรัง, สตูล
- ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา
- ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา
- กำแพงเพชร
- สุราษฎร์ธานี
- สุราษฎร์ธานี
- เชียงใหม่
- เชียงใหม่
- ลพบุรี
- ลพบุรี
- พะเยา, น่าน
- พะเยา, น่าน
- ลำพูน, ลำปาง
- แม่ฮ่องสอน
- แพร่
- แพร่
- แพร่
- ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
- สตูล, สงขลา
- สตูล, สงขลา
- สุโขทัย, ลำปาง
- สุโขทัย, ลำปาง
- กาญจนบุรี, ตาก
- อุตรดิตถ์
- อุตรดิตถ์
- อุบลราชธานี
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- ศรีสะเกษ
- ศรีสะเกษ
- พิษณุโลก
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- เลย
- เพชรบูรณ์
- เพชรบูรณ์
- พิษณุโลก
- บึงกาฬ
- บึงกาฬ
- กาฬสินธุ์
- กาฬสินธุ์
- เลย, เพชรบูรณ์
- อุตรดิตถ์
- ตาก
- ราชบุรี
- ราชบุรี
- แม่ฮ่องสอน
- เชียงใหม่
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แม่ฮ่องสอน
- พะเยา
- พะเยา
- พะเยา
- กาญจนบุรี
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- ศรีสะเกษ
- ศรีสะเกษ
- ศรีสะเกษ
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- สุรินทร์
- ศรีสะเกษ
- ศรีสะเกษ
- ศรีสะเกษ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
- ไม้ต้นขนาดเล็ก
- จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของลำต้นได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เปลือกต้นด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีน้ำยางเหนียวสีเหลืองออกสีแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัด และลำต้นยังมีหนามแหลมยาวแข็งเป็นเนื้อไม้ออกตามลำต้น สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงประมาณ 700 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเพาะกล้า ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม (อาจพบบ้างที่ปลายทู่หรือกลม) โคนใบสอบหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษถึงกึ่งหนาคล้ายกับแผ่นหนัง แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านล่างมักมีนวล เส้นแขนงของใบมีอยู่ข้างละ 10-18 เส้น ปลายเชื่อมกันก่อนถึงขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกประมาณ 2-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดเล็ก ร่วงหลุดได้ง่าย ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โดยจะแยกเป็น 2 วง ได้แก่ กลีบเลี้ยงวงนอก 3 กลีบ ตรงกลางของกลีบวงนอกเป็นสีม่วงแดง ขอบสีเขียว และขนาดของกลีบจะใหญ่กว่ากลีบเลี้ยงวงในเล็กน้อย และกลีบเลี้ยงวงในมี 2 กลีบ เป็นกลีบสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ แยกออกจากกัน เป็นสีส้มหรือส้มแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวกลีบเกลี้ยง มีเส้นสีม่วงแดงถึงสีดำตามยาว ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับกลุ่มของเกสรตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 ก้าน ลักษณะเป็นก้อน อวบน้ำ มีสีเหลือง ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบเลี้ยง มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลอยู่จำนวนมาก ส่วนก้านเกสรตัวเมียมี 3 ก้าน แยกออกจากกัน ผลเป็นแบบผลแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปวงรี ผลแข็งเกลี้ยงและเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ผลมีกลีบเลี้ยงติดทนหุ้มอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวผล ผลเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสานออกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 6-8 เมล็ดต่อพู เมล็ดเป็นลักษณะมีปีกแบนและบางใส โดยจะออกดอกและผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม
- จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของลำต้นได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เปลือกต้นด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีน้ำยางเหนียวสีเหลืองออกสีแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัด และลำต้นยังมีหนามแหลมยาวแข็งเป็นเนื้อไม้ออกตามลำต้น สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงประมาณ 700 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเพาะกล้า ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม (อาจพบบ้างที่ปลายทู่หรือกลม) โคนใบสอบหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษถึงกึ่งหนาคล้ายกับแผ่นหนัง แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านล่างมักมีนวล เส้นแขนงของใบมีอยู่ข้างละ 10-18 เส้น ปลายเชื่อมกันก่อนถึงขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกประมาณ 2-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดเล็ก ร่วงหลุดได้ง่าย ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โดยจะแยกเป็น 2 วง ได้แก่ กลีบเลี้ยงวงนอก 3 กลีบ ตรงกลางของกลีบวงนอกเป็นสีม่วงแดง ขอบสีเขียว และขนาดของกลีบจะใหญ่กว่ากลีบเลี้ยงวงในเล็กน้อย และกลีบเลี้ยงวงในมี 2 กลีบ เป็นกลีบสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ แยกออกจากกัน เป็นสีส้มหรือส้มแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวกลีบเกลี้ยง มีเส้นสีม่วงแดงถึงสีดำตามยาว ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับกลุ่มของเกสรตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 ก้าน ลักษณะเป็นก้อน อวบน้ำ มีสีเหลือง ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบเลี้ยง มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลอยู่จำนวนมาก ส่วนก้านเกสรตัวเมียมี 3 ก้าน แยกออกจากกัน ผลเป็นแบบผลแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปวงรี ผลแข็งเกลี้ยงและเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ผลมีกลีบเลี้ยงติดทนหุ้มอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวผล ผลเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสานออกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 6-8 เมล็ดต่อพู เมล็ดเป็นลักษณะมีปีกแบนและบางใส โดยจะออกดอกและผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม
- จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของลำต้นได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เปลือกต้นด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีน้ำยางเหนียวสีเหลืองออกสีแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัด และลำต้นยังมีหนามแหลมยาวแข็งเป็นเนื้อไม้ออกตามลำต้น สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงประมาณ 700 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเพาะกล้า ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม (อาจพบบ้างที่ปลายทู่หรือกลม) โคนใบสอบหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษถึงกึ่งหนาคล้ายกับแผ่นหนัง แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านล่างมักมีนวล เส้นแขนงของใบมีอยู่ข้างละ 10-18 เส้น ปลายเชื่อมกันก่อนถึงขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกประมาณ 2-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดเล็ก ร่วงหลุดได้ง่าย ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โดยจะแยกเป็น 2 วง ได้แก่ กลีบเลี้ยงวงนอก 3 กลีบ ตรงกลางของกลีบวงนอกเป็นสีม่วงแดง ขอบสีเขียว และขนาดของกลีบจะใหญ่กว่ากลีบเลี้ยงวงในเล็กน้อย และกลีบเลี้ยงวงในมี 2 กลีบ เป็นกลีบสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ แยกออกจากกัน เป็นสีส้มหรือส้มแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวกลีบเกลี้ยง มีเส้นสีม่วงแดงถึงสีดำตามยาว ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับกลุ่มของเกสรตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 ก้าน ลักษณะเป็นก้อน อวบน้ำ มีสีเหลือง ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบเลี้ยง มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลอยู่จำนวนมาก ส่วนก้านเกสรตัวเมียมี 3 ก้าน แยกออกจากกัน ผลเป็นแบบผลแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปวงรี ผลแข็งเกลี้ยงและเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ผลมีกลีบเลี้ยงติดทนหุ้มอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวผล ผลเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสานออกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 6-8 เมล็ดต่อพู เมล็ดเป็นลักษณะมีปีกแบนและบางใส โดยจะออกดอกและผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม
- จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของลำต้นได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เปลือกต้นด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีน้ำยางเหนียวสีเหลืองออกสีแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัด และลำต้นยังมีหนามแหลมยาวแข็งเป็นเนื้อไม้ออกตามลำต้น สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงประมาณ 700 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเพาะกล้า ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม (อาจพบบ้างที่ปลายทู่หรือกลม) โคนใบสอบหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษถึงกึ่งหนาคล้ายกับแผ่นหนัง แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านล่างมักมีนวล เส้นแขนงของใบมีอยู่ข้างละ 10-18 เส้น ปลายเชื่อมกันก่อนถึงขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกประมาณ 2-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดเล็ก ร่วงหลุดได้ง่าย ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โดยจะแยกเป็น 2 วง ได้แก่ กลีบเลี้ยงวงนอก 3 กลีบ ตรงกลางของกลีบวงนอกเป็นสีม่วงแดง ขอบสีเขียว และขนาดของกลีบจะใหญ่กว่ากลีบเลี้ยงวงในเล็กน้อย และกลีบเลี้ยงวงในมี 2 กลีบ เป็นกลีบสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ แยกออกจากกัน เป็นสีส้มหรือส้มแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวกลีบเกลี้ยง มีเส้นสีม่วงแดงถึงสีดำตามยาว ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับกลุ่มของเกสรตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 ก้าน ลักษณะเป็นก้อน อวบน้ำ มีสีเหลือง ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบเลี้ยง มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลอยู่จำนวนมาก ส่วนก้านเกสรตัวเมียมี 3 ก้าน แยกออกจากกัน ผลเป็นแบบผลแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปวงรี ผลแข็งเกลี้ยงและเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ผลมีกลีบเลี้ยงติดทนหุ้มอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวผล ผลเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสานออกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 6-8 เมล็ดต่อพู เมล็ดเป็นลักษณะมีปีกแบนและบางใส โดยจะออกดอกและผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม
- จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของลำต้นได้ถึง 30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกสีเทาอมน้ำตาล เปลือกต้นด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีน้ำยางเหนียวสีเหลืองออกสีแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัด และลำต้นยังมีหนามแหลมยาวแข็งเป็นเนื้อไม้ออกตามลำต้น สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ที่ระดับความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงประมาณ 700 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดเพาะกล้า ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม (อาจพบบ้างที่ปลายทู่หรือกลม) โคนใบสอบหรือมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางคล้ายกระดาษถึงกึ่งหนาคล้ายกับแผ่นหนัง แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ด้านล่างมักมีนวล เส้นแขนงของใบมีอยู่ข้างละ 10-18 เส้น ปลายเชื่อมกันก่อนถึงขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกประมาณ 2-5 ดอก โดยจะออกดอกตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ มีใบประดับขนาดเล็ก ร่วงหลุดได้ง่าย ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ โดยจะแยกเป็น 2 วง ได้แก่ กลีบเลี้ยงวงนอก 3 กลีบ ตรงกลางของกลีบวงนอกเป็นสีม่วงแดง ขอบสีเขียว และขนาดของกลีบจะใหญ่กว่ากลีบเลี้ยงวงในเล็กน้อย และกลีบเลี้ยงวงในมี 2 กลีบ เป็นกลีบสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ แยกออกจากกัน เป็นสีส้มหรือส้มแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผิวกลีบเกลี้ยง มีเส้นสีม่วงแดงถึงสีดำตามยาว ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเชื่อมติดกันเป็น 3 กลุ่ม สลับกับกลุ่มของเกสรตัวผู้ที่ไม่สมบูรณ์ 3 ก้าน ลักษณะเป็นก้อน อวบน้ำ มีสีเหลือง ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบเลี้ยง มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลอยู่จำนวนมาก ส่วนก้านเกสรตัวเมียมี 3 ก้าน แยกออกจากกัน ผลเป็นแบบผลแห้งแตก ลักษณะของผลเป็นรูปวงรี ผลแข็งเกลี้ยงและเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ผลมีกลีบเลี้ยงติดทนหุ้มอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวผล ผลเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสานออกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 6-8 เมล็ดต่อพู เมล็ดเป็นลักษณะมีปีกแบนและบางใส โดยจะออกดอกและผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
- สมุนไพร,ที่อยู่อาศัย,ไม้ดอกไม้ประดับ,เครื่องจักสานและเครื่องใช้สอย,เครื่องสำอางค์,เชื้อเพลิง
สถานภาพการคุกคาม
สถานภาพการคุกคาม (โลก) :
ที่มาของข้อมูล
พิพิธภัณฑ์
Barcode ชื่อพิพิธภัณฑ์ จังหวัด ลักษณะ
NSM Nong Bua Lam Phu
Barcode ชื่อพิพิธภัณฑ์ จังหวัด ลักษณะ