ข้อมูลสิ่งมีชีวิต


วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงถึง ๑๘ ม. ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ มีใบย่อย ๖ – ๑๒ คู่ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดสีเหลือง ผลเป็นฝักแบนเรียว มีเมล็ดสีดำ ออกดอกช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
- บรรยายลักษณะต้น:ไม้ต้นขนาดกลาง สูงได้ประมาณ 20 เมตร กิ่งอ่อนเป็นริ้ว มีขนสั้นนุ่มใบ:หูใบรูปลิ่มแคบ ขนาดเล็ก ร่วงง่าย ใบประกอบมีใบย่อย 7-15 คู่ แกนกลางยาว 10-35 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาว 2-3 เซนติเมตร ใบย่อยรูปรี รูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่ ยาว 3-7 เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือเว้าตื้นๆ ปลายมีติ่งหนาม โคนใบกลมแผ่นใบมีขนสั้นนุ่มละเอียดด้านล่างก้านใบย่อยสั้นดอก:ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ ออกตามปลายกิ่ง ยาวได้ถึง 100 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยยาว 2-3 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงยาวไม่เท่ากัน 2 กลีบนอกยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร 3 กลีบในยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร กลีบดอกสีเหลือง แผ่นกลีบรูปเกือบกลม ยาว 1.5-2 เซนติเมตร มีก้านกลีบสั้นๆ เกสรเพศผู้ 10 อันยาว 2 อัน อับเรณูตรงยาว 6-7 มิลลิเมตร เกสรเพศผู้อันสั้น 5 อันก้านเกสรยาว 2-4 มิลลิเมตร อับเรณูยาว 5-6 มิลลิเมตร อับเรณูเปิดที่ปลายเกสรเพศผู้ที่ลดรูป 3 อัน รังไข่มีขนสั้นนุ่ม ออวุลจำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมียเกลี้ยงผล:ผลเป็นฝัก ฝักรูปแถบ แบนมีขนประปรายเป็นคลื่นยาวตามรอยประสานยาว 20-30 เซนติเมตร เมล็ดมี 20-30 เมล็ด แบนรูปไข่ยาว 1-1.5 เซนติเมตรเปลือก:อื่นๆ:

ไม้ต้นขนาดกลาง สูงได้ประมาณ 20 เมตร กิ่งอ่อนเป็นริ้ว มีขนสั้นนุ่ม
หูใบรูปลิ่มแคบ ขนาดเล็ก ร่วงง่าย ใบประกอบมีใบย่อย 7-15 คู่ แกนกลางยาว 10-35 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาว 2-3 เซนติเมตร ใบย่อยรูปรี รูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่ ยาว 3-7 เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือเว้าตื้นๆ ปลายมีติ่งหนาม โคนใบกลมแผ่นใบมีขนสั้นนุ่มละเอียดด้านล่างก้านใบย่อยสั้น
ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ ออกตามปลายกิ่ง ยาวได้ถึง 100 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยยาว 2-3 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงยาวไม่เท่ากัน 2 กลีบนอกยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร 3 กลีบในยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร กลีบดอกสีเหลือง แผ่นกลีบรูปเกือบกลม ยาว 1.5-2 เซนติเมตร มีก้านกลีบสั้นๆ เกสรเพศผู้ 10 อันยาว 2 อัน อับเรณูตรงยาว 6-7 มิลลิเมตร เกสรเพศผู้อันสั้น 5 อันก้านเกสรยาว 2-4 มิลลิเมตร อับเรณูยาว 5-6 มิลลิเมตร อับเรณูเปิดที่ปลายเกสรเพศผู้ที่ลดรูป 3 อัน รังไข่มีขนสั้นนุ่ม ออวุลจำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมียเกลี้ยง
ผลเป็นฝัก ฝักรูปแถบ แบนมีขนประปรายเป็นคลื่นยาวตามรอยประสานยาว 20-30 เซนติเมตร เมล็ดมี 20-30 เมล็ด แบนรูปไข่ยาว 1-1.5 เซนติเมตร

- ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. หูใบรูปลิ่มแคบ ใบประกอบมีใบย่อย 7–15 คู่ แกนกลางยาว 10–35 ซม. ก้านใบสั้น ใบย่อยรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่ ยาว 3–7 ซม. ปลายกลมหรือเว้าตื้น มีติ่งแหลม โคนกลม แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้นนุ่ม ช่อดอกออกที่ปลายกิ่ง ยาวได้ถึง 1 ม. ก้านดอกยาว 2–3 ซม. กลีบเลี้ยงคู่นอกยาวประมาณ 5 มม. 3 กลีบใน ยาวประมาณ 9 มม. กลีบดอกรูปเกือบกลม ยาว 1.5–2 ซม. เกสรเพศผู้อันยาว 2 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1 ซม. อับเรณูยาว 6–7 มม. อันสั้น 5 อัน ก้านชูอับเรณูยาว 2–4 มม. อับเรณูยาว 5–6 มม. ลดรูป 3 อัน รังไข่มีขนสั้นนุ่ม ฝักรูปแถบ แบน ยาว 20–30 ซม. รอยเชื่อมเป็นสันนูน มี 20–30 เมล็ด
- ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่ม เปลือกสีเทาถึงน้ำตาลดำ กิ่งอ่อนมีลายตามยาว และมีขนละเอียดนุ่ม ใบประกอบยอดคู่ ใบย่อยรูปขอบขนาน ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนนุ่ม ดอกช่อสีเหลืองอยู่ตามปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบนยาวขนเกลี้ยงเป็นร่องมีสีคล้ำ เมล็ดรูปไข่ ยาวแบนสีน้ำตาลอ่อน เรียงตัวตามขวาง
- ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงถึง ๑๘ ม. ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ มีใบย่อย ๖ – ๑๒ คู่ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดสีเหลือง ผลเป็นฝักแบนเรียว มีเมล็ดสีดำ ออกดอกช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
การกระจายพันธุ์ :
- พบตามป่าเบญจพรรณ ต่างประเทศพบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- พืชชนิดนี้เป็นพืชพื้นเมืองแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบขึ้นตามป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ และตามริมน้ำ พบทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
- ป่าคำหัวแฮด ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหลวง ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงโพนทราย ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่วงก์ – แม่เปิน ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อิงฝั่งขวา และป่าแม่งาว ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร
- พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาชีโอน
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาประทับช้าง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
- อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
- อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดงใหญ่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าพระนครใต้ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
- ขี้เหล็ก จัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง ขี้เหล็กใหญ่ ผักจี้ลี้ ยะหา และขี้เหล็กจิหรี่ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
- ขี้เหล็ก จัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง ขี้เหล็กใหญ่ ผักจี้ลี้ ยะหา และขี้เหล็กจิหรี่ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
- ขี้เหล็ก จัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง ขี้เหล็กใหญ่ ผักจี้ลี้ ยะหา และขี้เหล็กจิหรี่ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
- ขี้เหล็ก จัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง ขี้เหล็กใหญ่ ผักจี้ลี้ ยะหา และขี้เหล็กจิหรี่ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
- ขี้เหล็ก จัดเป็นพืชในวงศ์ Leguminosae นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน เช่น ขี้เหล็กแก่น ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง ขี้เหล็กใหญ่ ผักจี้ลี้ ยะหา และขี้เหล็กจิหรี่ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นขี้เหล็กเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงปานกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมักคดงอเป็นปุ่มเปลือกสีเทาถึงสีน้ำตาลดำ
การขยายพันธุ์ :
- นำเอาเมล็ดมาเพาะแล้วนำไปปลูก
- นำเอาเมล็ดมาเพาะแล้วนำไปปลูก
- นำเอาเมล็ดมาเพาะแล้วนำไปปลูก
- นำเอาเมล็ดมาเพาะแล้วนำไปปลูก
- นำเอาเมล็ดมาเพาะแล้วนำไปปลูก
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
- บึงกาฬ
- อ่างเก็บน้ำหนองบัว/มหาสารคาม
- ชลบุรี
- ราชบุรี
- แม่ฮ่องสอน
- อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
- เชียงใหม่
- ชลบุรี
- ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, สระแก้ว
- ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, สระแก้ว
- บุรีรัมย์
- พะเยา, น่าน
- สุโขทัย, ลำปาง
- กาญจนบุรี, ตาก
- ชัยภูมิ
- บึงกาฬ
- ตาก
- ราชบุรี
- พะเยา
- พะเยา
- เชียงใหม่
- เชียงใหม่
- ตาก
- ลำปาง
- สมุทรปราการ
- นนทบุรี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
- อาหาร,สมุนไพร,ดอกอ่อนและใบอ่อนรับประทานได้ มีสรรพคุณทางสมุนไพรช่วยคลายความเครียดวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับแต่ไม่ควรใช้ในสตรีมีครรภ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
- เปลือก แก่นและใบ มี anthraquinone glycoside เช่น rhein, aloe-emodin, Chrysophanol และ Sennoside - ใบขี้เหล็กมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง - ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ป้องกันหวัด ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น ดอกมีสาร chromone ชื่อ Barakol และสารขมชื่อ cassiamin - และมีวิตามินที่ช่วยบำรุงและรักษาสายตา - ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใบสดหนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำดื่มก่อนนอน แก้อาการนอนไม่หลับ กังวล เบื่ออาหาร - ยอดอ่อนนำมาแกงเป็นอาหารและเป็นยาระบาย
ส่วนของตัวอย่างที่นำมาใช้ :
- เปลือก แก่น ใบ ยอดอ่อน
สถานภาพการคุกคาม
สถานภาพการคุกคาม (โลก) :
- สิ่งมีชีวิตที่มีสถานภาพเป็นกังวลน้อยที่สุด Least Concern: LC (IUCN, 2018)
ที่มาของข้อมูล