ข้อมูลสิ่งมีชีวิต


วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-5 ม. แตกกิ่งต่ำ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หรืออาจมีขนสั้นๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ดอกออกเดี่ยวๆ ตามด้านข้างของกิ่ง ตรงข้ามหรือเยื้องกับใบ หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ก้านดอกเรียว กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปไข่ ด้านนอกมีขน กลีบดอกสีเหลืองอมน้ำตาล เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ผลเป็นผลกลุ่มมีจำนวนมาก อยู่บนแกนตุ้มกลม แต่ละผลกลม ผิวเรียบ สีเขียว เมื่อสุกสีแดง มี 1-2 เมล็ด
- ไม้เถา
- ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-5 ม. แตกกิ่งต่ำ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หรืออาจมีขนสั้นๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ดอกออกเดี่ยวๆ ตามด้านข้างของกิ่ง ตรงข้ามหรือเยื้องกับใบ หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ก้านดอกเรียว กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปไข่ ด้านนอกมีขน กลีบดอกสีเหลืองอมน้ำตาล เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ผลเป็นผลกลุ่มมีจำนวนมาก อยู่บนแกนตุ้มกลม แต่ละผลกลม ผิวเรียบ สีเขียว เมื่อสุกสีแดง มี 1-2 เมล็ด
การกระจายพันธุ์ :
- อินเดีย ศรีลังกา จีน ลาว พม่า ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ พบตามป่าเปิด ที่ระดับความสูงไม่มาก
- อินเดีย ศรีลังกา จีน ลาว พม่า ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ พบตามป่าเปิด ที่ระดับความสูงไม่มาก
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
- จัดเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-5 เมตร แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ตามกิ่งแก่ขนาดใหญ่และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม ผิวเปลือกมักย่นเป็นสันนูนขรุขระ ไม่เป็นระเบียบ กิ่งอ่อนมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยง ตามกิ่งก้านมีช่องระบายอากาศเป็นตุ่มสีขาวหรือสีเทาอมชมพูขนาดเล็กกระจัดกระจายทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะกล้าจากเมล็ด เป็นไม้เติบโตช้า ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดน้อย มีสถานภาพเป็นไม้นอกประเภทหวงห้าม มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีนตอนใต้ อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ทางภาคใต้จะพบได้ค่อนข้างน้อยกว่าภาคอื่น ๆ โดยมักพบขึ้นตามที่โล่งที่เป็นดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ตามป่าเปิด ป่าเบญจพรรณ พื้นที่โล่งบริเวณชายป่า ตามพื้นที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมเป็นครั้งคราว หรือตามฝั่งแม่น้ำลำคลอง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรียาว รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ โคนใบสอบและเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบแต่มักย่นเป็นคลื่นหรือม้วนงอขึ้นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.7-3.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน หรืออาจมีขนสั้น ๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ท้องใบจะมีสีเขียวนวล เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-8 เส้น ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ใบแห้งด้านบนจะเป็นสีเทา ส่วนด้านล่างจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามกิ่ง ออกตรงข้ามหรือเยื้องกับใบใกล้ปลายยอด หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ดอกมีกลิ่นหอม เป็นสีเหลืองห้อยลง กลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ ด้านนอกมีขน ส่วนกลีบดอกนั้นเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอมน้ำตาล มี 6 กลีบ กลีบดอกจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกจะมี 3 กลีบ มีขนาดเล็กสั้นกว่ากลีบดอกชั้นใน และกลีบดอกชั้นในมี 3 กลีบ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และใหญ่กว่ากลีบดอกชั้นนอก กลีบด้านนอกมีขนขึ้นประปราย มีเกสรเพศผู้ขนาดเล็กจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ก้านชูดอกมีสีแดง ลักษณะเรียวยาว ยาวประมาณ 1.3-3.2 เซนติเมตร มีใบประดับเล็ก ๆ ติดอยู่ใกล้โคนก้าน เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.6 เซนติเมตร ออกผลเป็นกลุ่ม มีจำนวนมาก ประมาณ 25-35 ผลย่อยต่อกลุ่ม มีหลายผลอยู่บนแกนตุ้มกลาง ก้านช่อผลยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผลย่อยมีลักษณะเป็นรูปทรงรีหรือกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ผลเป็นผลสดและมีเนื้อ ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนถึงสีม่วงดำ ก้านผลยาวประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดเดียวต่อ 1 ผลย่อย หรือบางผลอาจมีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะเป็นรูปรี มีสีน้ำตาล มีดอกและผลเกือบตลอดทั้งปี
- จัดเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-5 เมตร แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ตามกิ่งแก่ขนาดใหญ่และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม ผิวเปลือกมักย่นเป็นสันนูนขรุขระ ไม่เป็นระเบียบ กิ่งอ่อนมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยง ตามกิ่งก้านมีช่องระบายอากาศเป็นตุ่มสีขาวหรือสีเทาอมชมพูขนาดเล็กกระจัดกระจายทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะกล้าจากเมล็ด เป็นไม้เติบโตช้า ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดน้อย มีสถานภาพเป็นไม้นอกประเภทหวงห้าม มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีนตอนใต้ อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ทางภาคใต้จะพบได้ค่อนข้างน้อยกว่าภาคอื่น ๆ โดยมักพบขึ้นตามที่โล่งที่เป็นดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ตามป่าเปิด ป่าเบญจพรรณ พื้นที่โล่งบริเวณชายป่า ตามพื้นที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมเป็นครั้งคราว หรือตามฝั่งแม่น้ำลำคลอง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรียาว รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ โคนใบสอบและเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบแต่มักย่นเป็นคลื่นหรือม้วนงอขึ้นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.7-3.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน หรืออาจมีขนสั้น ๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ท้องใบจะมีสีเขียวนวล เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-8 เส้น ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ใบแห้งด้านบนจะเป็นสีเทา ส่วนด้านล่างจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามกิ่ง ออกตรงข้ามหรือเยื้องกับใบใกล้ปลายยอด หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ดอกมีกลิ่นหอม เป็นสีเหลืองห้อยลง กลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ ด้านนอกมีขน ส่วนกลีบดอกนั้นเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอมน้ำตาล มี 6 กลีบ กลีบดอกจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกจะมี 3 กลีบ มีขนาดเล็กสั้นกว่ากลีบดอกชั้นใน และกลีบดอกชั้นในมี 3 กลีบ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และใหญ่กว่ากลีบดอกชั้นนอก กลีบด้านนอกมีขนขึ้นประปราย มีเกสรเพศผู้ขนาดเล็กจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ก้านชูดอกมีสีแดง ลักษณะเรียวยาว ยาวประมาณ 1.3-3.2 เซนติเมตร มีใบประดับเล็ก ๆ ติดอยู่ใกล้โคนก้าน เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.6 เซนติเมตร ออกผลเป็นกลุ่ม มีจำนวนมาก ประมาณ 25-35 ผลย่อยต่อกลุ่ม มีหลายผลอยู่บนแกนตุ้มกลาง ก้านช่อผลยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผลย่อยมีลักษณะเป็นรูปทรงรีหรือกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ผลเป็นผลสดและมีเนื้อ ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนถึงสีม่วงดำ ก้านผลยาวประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดเดียวต่อ 1 ผลย่อย หรือบางผลอาจมีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะเป็นรูปรี มีสีน้ำตาล มีดอกและผลเกือบตลอดทั้งปี
- จัดเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-5 เมตร แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ตามกิ่งแก่ขนาดใหญ่และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม ผิวเปลือกมักย่นเป็นสันนูนขรุขระ ไม่เป็นระเบียบ กิ่งอ่อนมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยง ตามกิ่งก้านมีช่องระบายอากาศเป็นตุ่มสีขาวหรือสีเทาอมชมพูขนาดเล็กกระจัดกระจายทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะกล้าจากเมล็ด เป็นไม้เติบโตช้า ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดน้อย มีสถานภาพเป็นไม้นอกประเภทหวงห้าม มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีนตอนใต้ อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ทางภาคใต้จะพบได้ค่อนข้างน้อยกว่าภาคอื่น ๆ โดยมักพบขึ้นตามที่โล่งที่เป็นดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ตามป่าเปิด ป่าเบญจพรรณ พื้นที่โล่งบริเวณชายป่า ตามพื้นที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมเป็นครั้งคราว หรือตามฝั่งแม่น้ำลำคลอง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรียาว รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ โคนใบสอบและเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบแต่มักย่นเป็นคลื่นหรือม้วนงอขึ้นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.7-3.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน หรืออาจมีขนสั้น ๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ท้องใบจะมีสีเขียวนวล เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-8 เส้น ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ใบแห้งด้านบนจะเป็นสีเทา ส่วนด้านล่างจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามกิ่ง ออกตรงข้ามหรือเยื้องกับใบใกล้ปลายยอด หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ดอกมีกลิ่นหอม เป็นสีเหลืองห้อยลง กลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ ด้านนอกมีขน ส่วนกลีบดอกนั้นเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอมน้ำตาล มี 6 กลีบ กลีบดอกจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกจะมี 3 กลีบ มีขนาดเล็กสั้นกว่ากลีบดอกชั้นใน และกลีบดอกชั้นในมี 3 กลีบ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และใหญ่กว่ากลีบดอกชั้นนอก กลีบด้านนอกมีขนขึ้นประปราย มีเกสรเพศผู้ขนาดเล็กจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ก้านชูดอกมีสีแดง ลักษณะเรียวยาว ยาวประมาณ 1.3-3.2 เซนติเมตร มีใบประดับเล็ก ๆ ติดอยู่ใกล้โคนก้าน เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.6 เซนติเมตร ออกผลเป็นกลุ่ม มีจำนวนมาก ประมาณ 25-35 ผลย่อยต่อกลุ่ม มีหลายผลอยู่บนแกนตุ้มกลาง ก้านช่อผลยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผลย่อยมีลักษณะเป็นรูปทรงรีหรือกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ผลเป็นผลสดและมีเนื้อ ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนถึงสีม่วงดำ ก้านผลยาวประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดเดียวต่อ 1 ผลย่อย หรือบางผลอาจมีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะเป็นรูปรี มีสีน้ำตาล มีดอกและผลเกือบตลอดทั้งปี
- จัดเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งไม้ต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 2-5 เมตร แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ตามกิ่งแก่ขนาดใหญ่และเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม ผิวเปลือกมักย่นเป็นสันนูนขรุขระ ไม่เป็นระเบียบ กิ่งอ่อนมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยง ตามกิ่งก้านมีช่องระบายอากาศเป็นตุ่มสีขาวหรือสีเทาอมชมพูขนาดเล็กกระจัดกระจายทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะกล้าจากเมล็ด เป็นไม้เติบโตช้า ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดน้อย มีสถานภาพเป็นไม้นอกประเภทหวงห้าม มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีนตอนใต้ อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ทางภาคใต้จะพบได้ค่อนข้างน้อยกว่าภาคอื่น ๆ โดยมักพบขึ้นตามที่โล่งที่เป็นดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ตามป่าเปิด ป่าเบญจพรรณ พื้นที่โล่งบริเวณชายป่า ตามพื้นที่ราบลุ่มที่มีน้ำท่วมเป็นครั้งคราว หรือตามฝั่งแม่น้ำลำคลอง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรียาว รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ โคนใบสอบและเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบแต่มักย่นเป็นคลื่นหรือม้วนงอขึ้นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.7-3.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน หรืออาจมีขนสั้น ๆ เหลืออยู่ตามเส้นกลางใบ ท้องใบจะมีสีเขียวนวล เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-8 เส้น ก้านใบสั้น ยาวได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ใบแห้งด้านบนจะเป็นสีเทา ส่วนด้านล่างจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามกิ่ง ออกตรงข้ามหรือเยื้องกับใบใกล้ปลายยอด หรือออกเหนือง่ามใบเล็กน้อย ดอกมีกลิ่นหอม เป็นสีเหลืองห้อยลง กลีบเลี้ยงดอกมี 3 กลีบ ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ ด้านนอกมีขน ส่วนกลีบดอกนั้นเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอมน้ำตาล มี 6 กลีบ กลีบดอกจะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบเลี้ยง เรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกจะมี 3 กลีบ มีขนาดเล็กสั้นกว่ากลีบดอกชั้นใน และกลีบดอกชั้นในมี 3 กลีบ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และใหญ่กว่ากลีบดอกชั้นนอก กลีบด้านนอกมีขนขึ้นประปราย มีเกสรเพศผู้ขนาดเล็กจำนวนมาก อยู่ชิดกันแน่นเป็นพุ่มกลม ก้านชูดอกมีสีแดง ลักษณะเรียวยาว ยาวประมาณ 1.3-3.2 เซนติเมตร มีใบประดับเล็ก ๆ ติดอยู่ใกล้โคนก้าน เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.6 เซนติเมตร ออกผลเป็นกลุ่ม มีจำนวนมาก ประมาณ 25-35 ผลย่อยต่อกลุ่ม มีหลายผลอยู่บนแกนตุ้มกลาง ก้านช่อผลยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผลย่อยมีลักษณะเป็นรูปทรงรีหรือกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ผลเป็นผลสดและมีเนื้อ ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนถึงสีม่วงดำ ก้านผลยาวประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดเดียวต่อ 1 ผลย่อย หรือบางผลอาจมีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดจะมีลักษณะเป็นรูปรี มีสีน้ำตาล มีดอกและผลเกือบตลอดทั้งปี
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
- สุโขทัย, ลำปาง
- ตาก
- ตาก
- สุรินทร์
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
- บ้านทำนบ หมู่ที่ 4 ต.กันตวจระมวล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์