ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ไม้ต้น
-
ไม้ต้น
-
กระโดน เป็นพืชในวงศ์จิก ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 เมตร ใบออกเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 เซนติเมตร ขอบใบจักฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายกิ่ง ดอกไม่มีก้าน มีใบประดับ 3 ใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง ยาว 2-2.5 เซนติเมตร กลีบดอกรูปขอบขนาน สีขาวอมเขียวขอบสีชมพู
-
กระโดน เป็นพืชในวงศ์จิก ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 เมตร ใบออกเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 เซนติเมตร ขอบใบจักฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายกิ่ง ดอกไม่มีก้าน มีใบประดับ 3 ใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง ยาว 2-2.5 เซนติเมตร กลีบดอกรูปขอบขนาน สีขาวอมเขียวขอบสีชมพู
-
กระโดน เป็นพืชในวงศ์จิก ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 เมตร ใบออกเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 เซนติเมตร ขอบใบจักฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายกิ่ง ดอกไม่มีก้าน มีใบประดับ 3 ใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง ยาว 2-2.5 เซนติเมตร กลีบดอกรูปขอบขนาน สีขาวอมเขียวขอบสีชมพู
-
กระโดน เป็นพืชในวงศ์จิก ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 เมตร ใบออกเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 เซนติเมตร ขอบใบจักฟันเลื่อย ดอกออกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายกิ่ง ดอกไม่มีก้าน มีใบประดับ 3 ใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง ยาว 2-2.5 เซนติเมตร กลีบดอกรูปขอบขนาน สีขาวอมเขียวขอบสีชมพู
-
ใบ - ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมนและมีติ่งแหลมยื่น โคนใบสอบเรียว ส่วนขอบใบเป็นหยักเล็กน้อยตลอดทั้งขอบใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 15-25 เซนติเมตร และยาวประมาณ 30-35 เซนติเมตร ผิวใบทั้งสองด้านมีลักษณะเกลี้ยง เนื้อใบหนาและค่อนข้างนิ่ม มีเส้นแขนงใบอยู่ประมาณข้างละ 8-15 เส้น เส้นใบย่อยเป็นแบบร่างแห เห็นได้ชัดเจนทางด้านล่าง ก้านใบอวบเกลี้ยงและมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ในหน้าแล้งใบแก่ท้องใบจะเป็นสีแดงและจะทิ้งใบเมื่อออกใบอ่อน ยอดอ่อนของใบเป็นสีน้ำตาลแดง ใบก่อนร่วงเป็นสีแดง
ดอก - ดอกมีขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะตามปลายกิ่งที่ไม่มีใบ สั้นมาก ในแต่ละช่อมีดอกประมาณ 2-6 ดอก ลักษณะของดอกคล้ายเป็นดอกเดี่ยว มีกลีบดอก 5 กลีบ แต่ละกลีบดอกยาวประมาณ 1-5 นิ้ว ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปขอบขนาน แยกกัน ขอบกลีบและปลายกลีบเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนโคนกลีบเป็นสีชมพู โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ร่วงได้ง่าย โดยดอกจะบานในเวลากลางคืนและมักจะร่วงในช่วงเช้า ดอกมีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมากยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร ก้านเกสรยาวเรียงตัวกันแน่นเป็นพู่ โคนก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นวงสีแดงอ่อนๆ โดยเกสรที่สมบูรณ์จะอยู่ข้างใน ฐานดอกมีลักษณะเป็นรูปวงแหวน ขอบนูนขึ้น ส่วนเกสรเพศเมียมีรังไข่ใต้วงกลีบ ลักษณะเป็นรูปกระสวยกลีบ มี 4 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลจำนวนมาก โดยเกสรเพศเมียจะติดคงทน และก้านเกสรเพศเมียจะยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ดอกมีใบประดับลักษณะกลมหรือรี 3 ใบ มีกลีบเลี้ยงดอก 4 กลีบแยกจากกัน ยาวประมาณ 8-10 มิลลิเมตร เป็นสีเขียวอ่อน หนาและค่อนข้างมน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
ผล - ผลมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่ อวบน้ำ มีเนื้อสีเขียว ค่อนข้างแข็ง ผลมีขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 6.5 เซนติเมตร ผิวผลเรียบ เปลือกหนา ที่ปลายผลจะมีกลีบเลี้ยงที่ติดทนอยู่ และมีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผลด้วย ผลสดเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมากและมีเยื่อหุ้ม เมล็ดเป็นสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่และแบน มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะออกผลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
ดอก - ดอกมีขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะตามปลายกิ่งที่ไม่มีใบ สั้นมาก ในแต่ละช่อมีดอกประมาณ 2-6 ดอก ลักษณะของดอกคล้ายเป็นดอกเดี่ยว มีกลีบดอก 5 กลีบ แต่ละกลีบดอกยาวประมาณ 1-5 นิ้ว ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปขอบขนาน แยกกัน ขอบกลีบและปลายกลีบเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนโคนกลีบเป็นสีชมพู โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ร่วงได้ง่าย โดยดอกจะบานในเวลากลางคืนและมักจะร่วงในช่วงเช้า ดอกมีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมากยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร ก้านเกสรยาวเรียงตัวกันแน่นเป็นพู่ โคนก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นวงสีแดงอ่อนๆ โดยเกสรที่สมบูรณ์จะอยู่ข้างใน ฐานดอกมีลักษณะเป็นรูปวงแหวน ขอบนูนขึ้น ส่วนเกสรเพศเมียมีรังไข่ใต้วงกลีบ ลักษณะเป็นรูปกระสวยกลีบ มี 4 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุลจำนวนมาก โดยเกสรเพศเมียจะติดคงทน และก้านเกสรเพศเมียจะยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ดอกมีใบประดับลักษณะกลมหรือรี 3 ใบ มีกลีบเลี้ยงดอก 4 กลีบแยกจากกัน ยาวประมาณ 8-10 มิลลิเมตร เป็นสีเขียวอ่อน หนาและค่อนข้างมน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
ผล - ผลมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่ อวบน้ำ มีเนื้อสีเขียว ค่อนข้างแข็ง ผลมีขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 6.5 เซนติเมตร ผิวผลเรียบ เปลือกหนา ที่ปลายผลจะมีกลีบเลี้ยงที่ติดทนอยู่ และมีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผลด้วย ผลสดเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมากและมีเยื่อหุ้ม เมล็ดเป็นสีน้ำตาลอ่อน ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่และแบน มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร โดยจะออกผลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ไม้ต้น ผลัดใบ อาจสูงได้ถึง 30 ม. แตกกิ่งต่ำ กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย เส้นแขนงใบเรียงจรดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบคล้ายเป็นครีบ ยาว 1-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ตั้งขึ้น ออกที่ปลายกิ่งพร้อมผลิใบอ่อน ใบประดับ 3 ใบ ดอกไร้ก้าน กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง เรียงซ้อนเหลื่อม ยาว 2-2.5 ซม. ดอกสีขาวอมเขียว ขอบสีชมพู มี 4 กลีบ รูปขอบขนาน ยาว 4-6 ซม. เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันประมาณ 1 ซม. สีขาวหรืออมแดง วงนอกยาวกว่าวงด้านใน วงในเป็นหมัน ก้านชูอับเรณูยาว 2-4.5 ซม. จานฐานดอกรูปวงแหวน รังไข่ใต้วงกลีบ มี 4-5 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ผลสดมีหลายเมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-8 ซม. ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดทน เมล็ดจำนวนมาก รูปขอบขนาน แบน ยาวประมาณ 1 ซม.
-
ไม้ต้น ผลัดใบ อาจสูงได้ถึง 30 ม. แตกกิ่งต่ำ กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้าง ยาว 20-30 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย เส้นแขนงใบเรียงจรดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบคล้ายเป็นครีบ ยาว 1-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ตั้งขึ้น ออกที่ปลายกิ่งพร้อมผลิใบอ่อน ใบประดับ 3 ใบ ดอกไร้ก้าน กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง เรียงซ้อนเหลื่อม ยาว 2-2.5 ซม. ดอกสีขาวอมเขียว ขอบสีชมพู มี 4 กลีบ รูปขอบขนาน ยาว 4-6 ซม. เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันประมาณ 1 ซม. สีขาวหรืออมแดง วงนอกยาวกว่าวงด้านใน วงในเป็นหมัน ก้านชูอับเรณูยาว 2-4.5 ซม. จานฐานดอกรูปวงแหวน รังไข่ใต้วงกลีบ มี 4-5 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ผลสดมีหลายเมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-8 ซม. ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดทน เมล็ดจำนวนมาก รูปขอบขนาน แบน ยาวประมาณ 1 ซม.
-
พืชล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน สูงถึง ๒ ม. ใบเดี่ยว รูปไข่ แกมรี ยาวได้ถึง ๑ ม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีส้ม หรือ แดงแกมเหลือง ผลรูปไข่ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง ๑๐ – ๒๐ ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามกิ่งก้านและปลายยอด ออกดอก ก่อนจะผลิใบ กลีบดอกสีขาวอมเขียว มีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมาก ผลรูปทรงกลม ขนาด ๕ – ๖ ซม. ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดมี ๒ พู ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือเพาะเมล็ด
-
ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ลำต้นมักเตี้ยแจ้ มีกิ่งก้านสาขามาก ใบเรียงสลับเวียนกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับ ดอกออกเป็นช่อ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ โคนตัดกันเป็นรูประฆัง กลีบดอก 4 กลีบ สีขาว ผลกลม มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีเยื่อหุ้ม
-
พืชล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน สูงถึง ๒ ม. ใบเดี่ยว รูปไข่ แกมรี ยาวได้ถึง ๑ ม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีส้ม หรือ แดงแกมเหลือง ผลรูปไข่ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง ๑๐ – ๒๐ ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามกิ่งก้านและปลายยอด ออกดอก ก่อนจะผลิใบ กลีบดอกสีขาวอมเขียว มีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมาก ผลรูปทรงกลม ขนาด ๕ – ๖ ซม. ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดมี ๒ พู ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือเพาะเมล็ด
-
พืชล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน สูงถึง ๒ ม. ใบเดี่ยว รูปไข่ แกมรี ยาวได้ถึง ๑ ม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีส้ม หรือ แดงแกมเหลือง ผลรูปไข่ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง ๑๐ – ๒๐ ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามกิ่งก้านและปลายยอด ออกดอก ก่อนจะผลิใบ กลีบดอกสีขาวอมเขียว มีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมาก ผลรูปทรงกลม ขนาด ๕ – ๖ ซม. ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดมี ๒ พู ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือเพาะเมล็ด
-
พืชล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน สูงถึง ๒ ม. ใบเดี่ยว รูปไข่ แกมรี ยาวได้ถึง ๑ ม. ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีส้ม หรือ แดงแกมเหลือง ผลรูปไข่ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง ๑๐ – ๒๐ ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ดอกออกเป็นช่อกระจุก ตามกิ่งก้านและปลายยอด ออกดอก ก่อนจะผลิใบ กลีบดอกสีขาวอมเขียว มีเกสรเพศผู้สีขาวจำนวนมาก ผลรูปทรงกลม ขนาด ๕ – ๖ ซม. ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดมี ๒ พู ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือเพาะเมล็ด
-
ต้นกระโดน จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีลักษณะของเรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ มีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร เปลือกต้นหนาเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลดำ แตกล่อนเป็นแผ่น ต้นมีกิ่งก้านสาขามาก ส่วนเนื้อไม้เป็นสีแดงเข้มถึงสีน้ำตาลแกมแดง
ระบบนิเวศ :
-
พบในป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าดิบและป่าผสมผลัดใบ ความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 500 เมตร
-
พบในป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าดิบและป่าผสมผลัดใบ ความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 500 เมตร
การกระจายพันธุ์ :
-
ถิ่นกำเนิดของต้นกระโดนอยู่ในประเทศอินเดีย ฤดูกาลที่กระโดนเจริญเติบโตประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นฤดูแล้ง พบประปรายตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าโปร่งและป่าทุ่ง
การขยายพันธุ์ :
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
เชียงราย
-
นครราชสีมา
-
อุตรดิตถ์
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
เชียงราย
-
อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
-
กาญจนบุรี
-
ราชบุรี
-
ลำพูน, ลำปาง
-
แม่ฮ่องสอน
-
เพชรบูรณ์, พิษณุโลก
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
อุดรธานี, เลย, หนองคาย
-
ตาก
-
แม่ฮ่องสอน
-
ขอนแก่น, ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
พะเยา, เชียงราย
-
มุกดาหาร
-
สกลนคร, กาฬสินธุ์
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
-
มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
-
เลย
-
เชียงราย, พะเยา
-
ลำปาง, แพร่
-
ลำปาง, ตาก
-
เชียงใหม่
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
กาญจนบุรี
-
กำแพงเพชร
-
ลำพูน, ลำปาง
-
แม่ฮ่องสอน
-
แพร่
-
แพร่
-
แพร่
-
ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
-
กาญจนบุรี, ตาก
-
กาญจนบุรี, ตาก
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
เลย
-
เพชรบูรณ์
-
พิษณุโลก
-
บึงกาฬ
-
กาฬสินธุ์
-
กาฬสินธุ์
-
ตาก
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุบลราชธานี
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
กาญจนบุรี
-
เชียงใหม่
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
สุรินทร์
-
กาญจนบุรี
-
เชียงใหม่
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
สุรินทร์
-
หนองคาย
-
ป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน
-
พื้นที่ลุ่มน้ำลำเซบาย
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอนศิลา
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
-
อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
-
อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
-
อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
-
อุทยานแห่งชาติ ขุนแจ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
-
อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
-
อุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
-
อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ นายูง-น้ำโสม
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกแม่สุรินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำพอง
-
อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
-
อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
-
อุทยานแห่งชาติ ภูพาน
-
อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
-
อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ปืม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ยม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วะ
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วาง
-
อุทยานแห่งชาติ ลำคลองงู
-
อุทยานแห่งชาติ ลำคลองงู
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
-
อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
-
อุทยานแห่งชาติ เอราวัณ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูค้อ-ภูกระแต
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยอดโดม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู หนองคาย
-
สุรินทร์
-
ยโสธร,อำนาจเจริญ,อุบลราชธานี
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
-
อาหาร,สมุนไพร,ที่อยู่อาศัย,เครื่องจักสานและเครื่องใช้สอย,ยอดอ่อน รับประทานได้
-
ดอกมีรสสุขุม ช่วยบำรุงร่างกาย ดอกใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกายหลังการ คลอดบุตรของสตรี ผลมีรสจืดเย็น ช่วยบำรุงหลังการคลอดบุตรของสตรี ส่วนดอกและ น้ำจากเปลือกสด หากนำมาผสมกับน้ำผึ้งก็เป็นยาบำรุงหลังคลอดได้เช่นกัน ดอกช่วยแก้ อาการหวัด หรือจะใช้ดอกและน้ำจากเปลือกสดผสมกับน้ำผึ้งกินเป็นยาแก้หวัดก็ได้ ดอกช่วยแก้อาการไอ ช่วยทำให้ชุ่มคอ หรือจะใช้ดอกและน้ำจากเปลือกสดผสมกับน้ำผึ้ง กินเป็นยาแก้ไอก็ได้ ผลมีรสจืดเย็น ช่วยในการย่อยอาหาร เปลือกต้นนำมาแช่กับน้ำดื่ม เป็นยาแก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหาร เปลือกต้นใช้เป็นยาสมานแผล ภายใน กระโดนจัดอยู่ในตำรับยาแก้โรคริดสีดวงทวาร ซึ่งในตำรับยาประกอบไปด้วย กระโดนโคก 1 ส่วน, ต้นกล้วยน้อย 1 ส่วน, ขันทองพยาบาท 1 ส่วน, ต้นซองแมว 1 ส่วน ต้นคอแลน 1 ส่วน, เงี่ยงคุกน้อย 1 ส่วน, กำแพงเจ็ดชั้น 1 ส่วน, ต้นมอนแก้ว 1 ส่วน มอยแม่หม้าย 1 ส่วน, เล็บแมวแดง 1 ส่วน, ตากวาง 1 ส่วน โดยนำทั้งหมดมาต้ม เป็นยากิน
ที่มาของข้อมูล
-
กองจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม
-
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
-
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
-
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
-
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
-
กรมป่าไม้
-
โครงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น, กองทุนสิ่งแวดล้อม, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
ป่าทามลำเซบาย, กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมาคมภูมินิเวศพัฒนาอย่างยั่งยืน, 2559
-
พืชสมุนไพร ป่าชุมชนตะลุมพุก, โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่รอบป่ามรดกโลก "ดงพญาเย็น-เขาใหญ่" ฝั่งตะวันออก, กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช