ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ไม้ต้นสูง 15-30 เมตร ใบประกอบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยมี3-13 คู่เรียงสลับ แนใบรูปไข่ หรือขอบขนาน โคนใบรูปลิ่มถึงกลม ปลายใบแหลม หรือเป็นติ่งแหลม ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ออกตามชอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงรูประฆังปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกรูปถั่ว เกสรเพศผู้ 10 อัน ผลเป็นฝักแบนคล้ายโล่ มีปีกเป็ฯแผ่นกลม เมล็ด 1-2 เมล็ด รูปทรงรี
-
ไม้ต้นสูง 15-30 เมตร ใบประกอบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยมี3-13 คู่เรียงสลับ แนใบรูปไข่ หรือขอบขนาน โคนใบรูปลิ่มถึงกลม ปลายใบแหลม หรือเป็นติ่งแหลม ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ออกตามชอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงรูประฆังปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกรูปถั่ว เกสรเพศผู้ 10 อัน ผลเป็นฝักแบนคล้ายโล่ มีปีกเป็ฯแผ่นกลม เมล็ด 1-2 เมล็ด รูปทรงรี
-
ไม้ต้น ลำต้น: สูง 15-30 ม. ใบ: เป็นใบประกอบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยมี3-13 คู่เรียงสลับ แนใบรูปไข่ หรือขอบขนาน โคนใบรูปลิ่มถึงกลม ปลายใบแหลม หรือเป็นติ่งแหลม ดอก: ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ออกตามชอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงรูประฆังปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกรูปถั่ว เกสรเพศผู้ 10 อัน ผล: เป็นฝักแบนคล้ายโล่ มีปีกเป็ฯแผ่นกลม เมล็ด 1-2 เมล็ด รูปทรงรี
-
ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 ม. มีขนสั้นนุ่มตามกิ่งและใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยง และรังไข่ หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบประกอบเรียงเวียน ยาว 8–25 ซม. ใบย่อยมี 5–13 ใบ เรียงสลับระนาบเดียว รูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่ ยาว 2.5–11 ซม. ปลายแหลมยาว ก้านใบย่อยยาว 3–8 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจะมักแยกแขนง ส่วนมากออกตามซอกใบ ยาวได้ถึง 15 ซม. ใบประดับย่อยรูปลิ่มแคบ ติดที่โคนกลีบเลี้ยง ก้านดอกยาว 0.8–1.5 ซม. มีข้อ หลอดกลีบเลี้ยงยาว 4–6 มม. ปลายจักตื้น ๆ 5 แฉก คล้ายรูปปากเปิด คู่บนเชื่อมติดกัน ดอกรูปดอกถั่ว สีเหลือง ยาว 0.7–1.5 ซม. รวมก้านกลีบ กลีบกลางรูปไข่กว้าง ปลายเว้าตื้น กลีบปีกและกลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน เกสรเพศผู้ 10 อัน เชื่อมติดกันกลุ่มเดียวหรือสองกลุ่ม อับเรณูติดไหวได้ รังไข่มี 2–6 ช่อง มีก้าน ก้านเกสรเพศเมียยาว 6–9 มม. ยอดเกสรเป็นตุ่ม ผลแห้งไม่แตกมีปีกรอบ เส้นผ่านศูนย์กลาง 5–9 ซม. ก้านผลยาว 1–1.5 ซม. มีเมล็ดเดียว รูปคล้ายไต ยาว 6–9 มม. ขั้วเมล็ดขนาดเล็ก
การกระจายพันธุ์ :
-
พบในประเทศพม่า กัมพูชา ไทย และเวียดนาม ในปร้เทศไทยพบได้ทุกภาคยกเว้นภาคใต้บริเวณป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง
-
พบในประเทศพม่า กัมพูชา ไทย และเวียดนาม ในปร้เทศไทยพบได้ทุกภาคยกเว้นภาคใต้บริเวณป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
พื้นที่ชุ่มน้ำหนองบงคาย
-
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
-
เทือกเขาห้วยตูน อ.ร้องกวาง แพร่ และ เขาดอยติ้ว อ.ท่าวังผา น่าน
-
อำเภอเชียงคำ อำเภอปง พะเยา, อำเภอสองแคว น่าน
-
ป่าดอยอินทนนท์, เขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ
-
ภูผาเทิบ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอย
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอย
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาชีโอน
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาพนมทอง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาพนมทอง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาใหญ่-เขาหน้าผาตั้งและเขาตาพรม
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาใหญ่-เขาหน้าผาตั้งและเขาตาพรม
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอนศิลา
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอยพระบาท
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดอยพระบาท
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วังโป่ง-ชนแดน
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า วังโป่ง-ชนแดน
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์กาญจนบุรี
-
อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
-
อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
-
อุทยานแห่งชาติ ขุนแจ
-
อุทยานแห่งชาติ ขุนแจ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาค้อ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาค้อ
-
อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
-
อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
-
อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
-
อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
-
อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่
-
อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ คลองลาน
-
อุทยานแห่งชาติ คลองลาน
-
อุทยานแห่งชาติ คลองวังเจ้า
-
อุทยานแห่งชาติ แจ้ซ้อน
-
อุทยานแห่งชาติ แจ้ซ้อน
-
อุทยานแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาล
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง
-
อุทยานแห่งชาติ ดอยหลวง
-
อุทยานแห่งชาติ ตากสินมหาราช
-
อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
-
อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
-
อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
-
อุทยานแห่งชาติ ถ้ำผาไท
-
อุทยานแห่งชาติ ถ้ำผาไท
-
อุทยานแห่งชาติ ทะเลบัน
-
อุทยานแห่งชาติ ทับลาน
-
อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ นายูง-น้ำโสม
-
อุทยานแห่งชาติ นายูง-น้ำโสม
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพาเจริญ
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกสามหลั่น
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกสามหลั่น
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำพอง
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำพอง
-
อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
-
อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
-
อุทยานแห่งชาติ ผาแต้ม
-
อุทยานแห่งชาติ ผาแต้ม
-
อุทยานแห่งชาติ ผาแต้ม
-
อุทยานแห่งชาติ พุเตย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูจอง-นายอย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูจอง-นายอย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
-
อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
-
อุทยานแห่งชาติ ภูผาเทิบ
-
อุทยานแห่งชาติ ภูพาน
-
อุทยานแห่งชาติ ภูพาน
-
อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
-
อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
-
อุทยานแห่งชาติ ภูเวียง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูเวียง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ตะไคร้
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ปืม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ปืม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ยม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่ยม
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วะ
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วะ
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วะ
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วาง
-
อุทยานแห่งชาติ รามคำแหง
-
อุทยานแห่งชาติ ลานสาง
-
อุทยานแห่งชาติ ลานสาง
-
อุทยานแห่งชาติ ลำคลองงู
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีน่าน
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีน่าน
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีสัชนาลัย
-
อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
-
อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
-
อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
-
อุทยานแห่งชาติ เอราวัณ
-
อุทยานแห่งชาติ เอราวัณ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กะทูน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซับลังกา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซับลังกา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดงใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดงใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำปาด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผาผึ้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผาผึ้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พนมดงรัก
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พนมดงรัก
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูค้อ-ภูกระแต
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูค้อ-ภูกระแต
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูค้อ-ภูกระแต
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยอดโดม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยอดโดม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยอดโดม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าพระนครใต้ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
-
ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู หนองคาย
-
อุทยานแห่งชาติ ตาพระยา
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
อุตรดิตถ์,แพร่
-
แพร่,น่าน
-
พะเยา,น่าน
-
เชียงใหม่
-
มุกดาหาร
-
พื้นที่ชุ่มน้ำบึงราชนก/พิษณุโลก
-
สระบุรี
-
สระบุรี
-
ชลบุรี
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
เชียงราย
-
ลำปาง
-
ลำปาง
-
พะเยา, เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
นครราชสีมา
-
นครราชสีมา
-
นครราชสีมา
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
กาญจนบุรี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
เชียงราย
-
เชียงราย
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
-
อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
-
อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ
-
ระยอง
-
สระบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, นครนายก
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
กำแพงเพชร
-
กำแพงเพชร
-
กำแพงเพชร, ตาก
-
ลำปาง
-
ลำปาง
-
ราชบุรี
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำปาง, ลำพูน
-
ลำปาง, ลำพูน
-
ลำปาง, ลำพูน
-
พะเยา
-
พะเยา
-
เชียงราย, ลำปาง, พะเยา
-
ตาก
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
สตูล
-
นครราชสีมา, ปราจีนบุรี
-
เพชรบูรณ์, พิษณุโลก
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
อุดรธานี, เลย, หนองคาย
-
อุดรธานี, เลย, หนองคาย
-
ตาก
-
ตาก
-
ตาก
-
ตาก
-
สระบุรี
-
สระบุรี
-
ขอนแก่น, ชัยภูมิ
-
ขอนแก่น, ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
สุพรรณบุรี
-
เลย
-
เลย
-
เลย
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
พะเยา, เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
มุกดาหาร
-
มุกดาหาร
-
มุกดาหาร
-
สกลนคร, กาฬสินธุ์
-
สกลนคร, กาฬสินธุ์
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ขอนแก่น
-
ขอนแก่น
-
มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
-
มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
-
มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
-
เลย
-
เลย
-
เลย
-
ลำพูน, เชียงใหม่
-
เชียงราย, พะเยา
-
เชียงราย, พะเยา
-
ลำปาง, แพร่
-
ลำปาง, แพร่
-
ลำปาง, ตาก
-
ลำปาง, ตาก
-
ลำปาง, ตาก
-
เชียงใหม่
-
สุโขทัย
-
ตาก
-
ตาก
-
กาญจนบุรี
-
น่าน
-
น่าน
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
สุโขทัย
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
นครศรีธรรมราช
-
ชลบุรี
-
ชลบุรี
-
กำแพงเพชร
-
กำแพงเพชร
-
กำแพงเพชร
-
ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, สระแก้ว
-
ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, สระแก้ว
-
ลพบุรี
-
ลพบุรี
-
บุรีรัมย์
-
บุรีรัมย์
-
พะเยา, น่าน
-
พะเยา, น่าน
-
พะเยา, น่าน
-
พะเยา, น่าน
-
พะเยา, น่าน
-
พะเยา, น่าน
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำพูน, ลำปาง
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แพร่
-
แพร่
-
แพร่
-
แพร่
-
แพร่
-
ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
-
ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
-
ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
-
ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
-
สุโขทัย, ลำปาง
-
สุโขทัย, ลำปาง
-
สุโขทัย, ลำปาง
-
กาญจนบุรี, ตาก
-
กาญจนบุรี, ตาก
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
เลย
-
เลย
-
เลย
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
เพชรบูรณ์
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
พิษณุโลก
-
บึงกาฬ
-
บึงกาฬ
-
กาฬสินธุ์
-
กาฬสินธุ์
-
กาฬสินธุ์
-
เลย, เพชรบูรณ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
ตาก
-
ตาก
-
ราชบุรี
-
ราชบุรี
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
อุบลราชธานี
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แพร่, อุตรดิตถ์
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
พะเยา
-
พะเยา
-
พะเยา
-
พะเยา
-
พะเยา
-
พะเยา
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
สุรินทร์
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
ศรีสะเกษ
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
เชียงใหม่
-
ตาก
-
ตาก
-
ลำปาง
-
สมุทรปราการ
-
นนทบุรี
-
หนองคาย
-
บุรีรัมย์, สระแก้ว
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ไม้ต้น
-
าเป็นไม้ขนาดใหญ่ยาว สูงถึง 20 – 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5 – 2.5 เมตร เรือนยอดสูงประมาณ 6 – 12 เมตร เป็นรูปเจดีย์ต่ำ ๆ กิ่งสั้นไม่แผ่กว้าง ปลายกิ่งส่วนมากจะชี้ขึ้น เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา หนา แตกเป็นร่อง อายุมาก ๆ เปลือกในมีสีน้ำตาล มียางสีแดง เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
-
าเป็นไม้ขนาดใหญ่ยาว สูงถึง 20 – 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5 – 2.5 เมตร เรือนยอดสูงประมาณ 6 – 12 เมตร เป็นรูปเจดีย์ต่ำ ๆ กิ่งสั้นไม่แผ่กว้าง ปลายกิ่งส่วนมากจะชี้ขึ้น เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา หนา แตกเป็นร่อง อายุมาก ๆ เปลือกในมีสีน้ำตาล มียางสีแดง เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
-
าเป็นไม้ขนาดใหญ่ยาว สูงถึง 20 – 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5 – 2.5 เมตร เรือนยอดสูงประมาณ 6 – 12 เมตร เป็นรูปเจดีย์ต่ำ ๆ กิ่งสั้นไม่แผ่กว้าง ปลายกิ่งส่วนมากจะชี้ขึ้น เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา หนา แตกเป็นร่อง อายุมาก ๆ เปลือกในมีสีน้ำตาล มียางสีแดง เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
-
าเป็นไม้ขนาดใหญ่ยาว สูงถึง 20 – 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5 – 2.5 เมตร เรือนยอดสูงประมาณ 6 – 12 เมตร เป็นรูปเจดีย์ต่ำ ๆ กิ่งสั้นไม่แผ่กว้าง ปลายกิ่งส่วนมากจะชี้ขึ้น เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา หนา แตกเป็นร่อง อายุมาก ๆ เปลือกในมีสีน้ำตาล มียางสีแดง เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
-
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 ม. ผลัดใบก่อนออกดอก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก ยอดอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
-
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 ม. ผลัดใบก่อนออกดอก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก ยอดอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
-
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 ม. ผลัดใบก่อนออกดอก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก ยอดอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
-
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 ม. ผลัดใบก่อนออกดอก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก ยอดอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
-
- ต้นประดู่ป่า : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
-
- ต้นประดู่ป่า : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
-
- ต้นประดู่ป่า : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
-
- ต้นประดู่ป่า : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
-
าเป็นไม้ขนาดใหญ่ยาว สูงถึง 20 – 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1.5 – 2.5 เมตร เรือนยอดสูงประมาณ 6 – 12 เมตร เป็นรูปเจดีย์ต่ำ ๆ กิ่งสั้นไม่แผ่กว้าง ปลายกิ่งส่วนมากจะชี้ขึ้น เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา หนา แตกเป็นร่อง อายุมาก ๆ เปลือกในมีสีน้ำตาล มียางสีแดง เนื้อไม้แข็งสีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
ใบ เป็นใบประกอบ ก้านช่อยาว 10 – 25 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 8 – 10 ใบ ใบปลายกิ่งจะมีใบย่อยหนึ่งใบ ใบมีลักษณะคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ ขอบใบเรียบ ปลายใบเรียวแหลม ท้องใบมีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ประดู่ป่าจะผลัดใบในฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม และเริ่มผลิใบใหม่ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเต็มต้น มีกลิ่นหอม ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน
ผล เมื่อดอกผสมเกสรแล้วจะพัฒนาดอกเป็นผล มีปีกรอบ ๆ คล้ายแผ่นหนังลักษณะกลม ตอนกลางเป็นผลพองหนา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 –10 เซนติเมตร ผลอาจมี 1 – 3 เมล็ด ปีกของผลจะมีสีเขียวเมื่อยังอ่อนอยู่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ผลจะแก่ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ผลติดอยู่กับต้นได้นาน ๆ ดังนั้นเมล็ดที่เก็บจากผลที่ติดอยู่กับต้นนาน ๆ จะเสื่อมความงอกได้ง่ายกว่าเมล็ดที่เก็บจากผลเมื่อแก่จัด การขยายพันธุ์ควรใช้เมล็ดที่เก็บจากต้นแก่จัดเท่านั้น เมล็ดมีสีน้ำตาลแดง ยาวประมาณ 0.4 –0.5 นิ้ว มีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายหนังหุ้ม 1 กิโลกรัม มีผลประมาณ 1,400 – 1,900 ผล เมื่อตีเอาปีกออก 1 กิโลกรัม จะมีผลประมาณ 3,200 – 3,400 ผล การเก็บรักษาเมล็ดประดู่ป่าควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ และประมาณ 4 องศาเซลเซียส บรรจุในถุงพลาสติกปิดให้สนิท จะเก็บรักษาเมล็ดไว้ได้หลายปี
-
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 ม. ผลัดใบก่อนออกดอก เรือนยอดรูปคล้ายทรงกระบอก ยอดอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย เปลือกนอกสีน้ำตาลเทา หนา แตกหยาบๆ เป็นร่องลึก
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
ใบ ใบเรียงสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงตัวแบบสลับจำนวน 7-13 ใบ ใบย่อยรูปไข่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 4-13 ซม. โคนใบมนหรือค่อนข้างแหลมหรือ oblique ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนก้านใบมีหูใบ 2 อันเป็นเส้นยาว ผิวใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมด้านท้องใบมากกว่าด้านหลังใบ ก้านใบอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย
ดอก ดอกช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง โคนก้านมีใบประดับ 1-2 อัน รูปรี กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดกันเป็นถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 2 แฉกอันบนจาก 2 กลีบติดกัน อันล่างจาก 3 กลีบติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง แกมแสด ลักษณะกลีบเป็นรูปผีเสื้อ (papilionaceous) เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูติดกันเป็น 2-3 กลุ่ม เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล ผลแห้งแบบ samaroid รูปกลมหรือรีแบน ขอบมีปีกบางคล้ายใบโดยรอบ แผ่นปีกบิด เป็นคลื่น ผิวมีขนละเอียด เส้นผ่านศูนย์กลางผล 4-8 ซม. มี 1 เมล็ด
-
- ต้นประดู่ป่า : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 15–25 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นสะเก็ด เปลือกในมีน้ำเลี้ยงสีแดง เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง แก่นสีน้ำตาลแกมแดง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
- ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่ง โคนใบมน
- ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว กลีบดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม
- ผล : แผ่เป็นปีกแบนๆ มีขนาดใหญ่กว่าประดู่บ้าน และมีขนปกคลุมทั่วไป
-
ไม้ต้น
การขยายพันธุ์ :
-
การเพาะเมล็ด
-
การเพาะเมล็ด
-
การเพาะเมล็ด
-
การเพาะเมล็ด
-
การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง
-
การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง
-
การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง
-
การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
-
การเพาะเมล็ด
-
การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การทาบกิ่ง การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
2. การเสียบยอด
3. การทาบกิ่ง
4. การตอนกิ่ง
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
-
เครื่องดนตรี,เเนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง ทำไม้พื้น ฝา เสา รอด ตง รถ ปืนใหญ่ เกวียน เครื่องเรือน เครื่องกลึง แกะสลัก พานท้ายปืน รางปืน ด้ามเครื่องมือ ซ้ออู้ ซอด้วง จะเข้ ขลุ่ย รางระนาด กรับ ฆ้องวง เปียโน หีบเสียง ด้ามปากกา ไม้บรรทัด ไม้เท้า ด้ามร่ม ยาบำรุงหัวใจ แก้กษัย ให้สีแดงใช้ย้อมผ้า จีนและญี่ปุ่นนิยมทำเครื่องเรือนกันมาก ปุ่มประดู่มีลวดลายสวยงามใช้ทำเครื่องเรือนและเครื่องใช้ชั้นสูง ปลูกเป็นไม้ประดับไม้ให้ร่ม เปลือกให้น้ำฝาดชนิดไพโรแกลลอนและคาทีโชล
สถานภาพการคุกคาม
สถานภาพการคุกคาม (โลก) :
-
สิ่งมีชีวิตที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ Endangered: EN (IUCN, 2019)
ที่มาของข้อมูล
-
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
-
รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ชุ่มน้าของประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2561
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ระบบนิเวศป่าไม้ (Forest Ecosystem) โครงการติดตามและวิเคราะห์ประเมินสถานภาพความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่วิกฤตทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Hotspots) จังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 กันยายน 2554
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ระบบนิเวศภูเขา (Mountain Ecosystem) โครงการติดตามและวิเคราะห์ประเมินสถานภาพความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่วิกฤตทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Hotspots) จังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 กันยายน 2554
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ระบบนิเวศแห้งแล้งและกึ่งชื้น (Dry and Sub-humid Ecosystem) โครงการติดตามและวิเคราะห์ประเมินสถานภาพความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่วิกฤตทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Hotspots) จังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 กันยายน 2554
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการสำรวจและจัดทำข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ เล่มที่ 2 ความหลากหลายทางชีวภาพระบบนิเวศป่าไม้, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 29 มีนาคม 2549
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการสำรวจและจัดทำข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ เล่มที่ 8 ความหลากหลายทางชีวภาพระบบนิเวศแห้งแล้งและกึ่งชื้น, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 29 มีนาคม 2549
-
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
-
กองจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม
-
กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
-
รายงาน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทย: การจัดทำแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการฟื้นฟูและบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในเมือง (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
-
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
-
กรมป่าไม้
-
IUCN Red List
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
พิพิธภัณฑ์
Barcode | ชื่อพิพิธภัณฑ์ | จังหวัด | ลักษณะ |
---|---|---|---|
Barcode | ชื่อพิพิธภัณฑ์ | จังหวัด | ลักษณะ |