ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ไม้ต้น สูง 10-25 ม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แกนช่อใบยาวถึง 15 ซม. บริเวณโคนมีต่อมรูปรี ขนาด 3 มม. ออกตรงข้ามกัน ใบรูปขอบขนานแกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 1.5-4 ซม. ดอกสีเขียวอ่อนปนเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกรวมกันเป็นกลุ่ม ขนาด 4 ซม. ก้านชูยาว 10 ซม. กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรผู้จำนวนมากยาว 2-4 ซม. ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนานปลายและโคนสอบ กว้าง 2 ซม. ยาว 12 ซม. เมื่อแก่จะแตกด้านข้าง
-
ไม้ต้น สูง 10-25 ม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แกนช่อใบยาวถึง 15 ซม. บริเวณโคนมีต่อมรูปรี ขนาด 3 มม. ออกตรงข้ามกัน ใบรูปขอบขนานแกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 1.5-4 ซม. ดอกสีเขียวอ่อนปนเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกรวมกันเป็นกลุ่ม ขนาด 4 ซม. ก้านชูยาว 10 ซม. กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรผู้จำนวนมากยาว 2-4 ซม. ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนานปลายและโคนสอบ กว้าง 2 ซม. ยาว 12 ซม. เมื่อแก่จะแตกด้านข้าง
-
ไม้ต้น สูง 10-25 ม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แกนช่อใบยาวถึง 15 ซม. บริเวณโคนมีต่อมรูปรี ขนาด 3 มม. ออกตรงข้ามกัน ใบรูปขอบขนานแกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 1.5-4 ซม. ดอกสีเขียวอ่อนปนเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกรวมกันเป็นกลุ่ม ขนาด 4 ซม. ก้านชูยาว 10 ซม. กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรผู้จำนวนมากยาว 2-4 ซม. ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนานปลายและโคนสอบ กว้าง 2 ซม. ยาว 12 ซม. เมื่อแก่จะแตกด้านข้าง
-
ไม้ต้น สูง 10-25 ม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก แกนช่อใบยาวถึง 15 ซม. บริเวณโคนมีต่อมรูปรี ขนาด 3 มม. ออกตรงข้ามกัน ใบรูปขอบขนานแกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 1.5-4 ซม. ดอกสีเขียวอ่อนปนเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกรวมกันเป็นกลุ่ม ขนาด 4 ซม. ก้านชูยาว 10 ซม. กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรผู้จำนวนมากยาว 2-4 ซม. ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนานปลายและโคนสอบ กว้าง 2 ซม. ยาว 12 ซม. เมื่อแก่จะแตกด้านข้าง
การกระจายพันธุ์ :
-
พบในเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกาตามป่าผลัดใบทั่วไป ออกดอกและติดฝักช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม
-
พบในเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกาตามป่าผลัดใบทั่วไป ออกดอกและติดฝักช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม
-
พบในเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกาตามป่าผลัดใบทั่วไป ออกดอกและติดฝักช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม
-
พบในเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกาตามป่าผลัดใบทั่วไป ออกดอกและติดฝักช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
อุตรดิตถ์,แพร่
-
พะเยา,น่าน
-
พื้นที่ชุ่มน้ำบึงราชนก/พิษณุโลก
-
อุตรดิตถ์
-
อุตรดิตถ์
-
พะเยา, เชียงราย
-
พะเยา, เชียงราย
-
นครราชสีมา
-
กาญจนบุรี
-
กาญจนบุรี
-
กำแพงเพชร
-
ราชบุรี
-
ตาก
-
นครราชสีมา, ปราจีนบุรี
-
ชัยภูมิ
-
อุดรธานี, เลย, หนองคาย
-
ขอนแก่น, ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
ชัยภูมิ
-
สุพรรณบุรี
-
เลย
-
ชัยภูมิ
-
ขอนแก่น
-
เชียงใหม่
-
ตาก
-
สุโขทัย
-
กำแพงเพชร
-
พะเยา, น่าน
-
ลำพูน, ลำปาง
-
ลำพูน, ลำปาง
-
แม่ฮ่องสอน
-
แพร่
-
แพร่
-
แพร่
-
สุโขทัย, ลำปาง
-
กาญจนบุรี, ตาก
-
พิษณุโลก
-
ตาก
-
ราชบุรี
-
แม่ฮ่องสอน
-
แม่ฮ่องสอน
-
เชียงใหม่
-
แม่ฮ่องสอน
-
พะเยา
-
พะเยา
-
พะเยา
-
กาญจนบุรี
-
เชียงใหม่
-
สุรินทร์
-
กาญจนบุรี
-
เชียงใหม่
-
สุรินทร์
-
ตาก
-
ตาก
-
ตาก
-
ลำปาง
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
-
อำเภอเชียงคำ อำเภอปง พะเยา, อำเภอสองแคว น่าน
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาใหญ่-เขาหน้าผาตั้งและเขาตาพรม
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขาใหญ่-เขาหน้าผาตั้งและเขาตาพรม
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
-
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์กาญจนบุรี
-
อุทยานแห่งชาติ เขื่อนศรีนครินทร์
-
อุทยานแห่งชาติ คลองลาน
-
อุทยานแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน
-
อุทยานแห่งชาติ ตากสินมหาราช
-
อุทยานแห่งชาติ ทับลาน
-
อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
-
อุทยานแห่งชาติ นายูง-น้ำโสม
-
อุทยานแห่งชาติ น้ำพอง
-
อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
-
อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
-
อุทยานแห่งชาติ พุเตย
-
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง
-
อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
-
อุทยานแห่งชาติ ภูเวียง
-
อุทยานแห่งชาติ แม่วาง
-
อุทยานแห่งชาติ ลานสาง
-
อุทยานแห่งชาติ ศรีสัชนาลัย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สะเมิง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
-
บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
- ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 10 - 25 เมตร เรือนยอดรูปร่มแผ่กว้าง
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
-
- ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 10 - 25 เมตร เรือนยอดรูปร่มแผ่กว้าง
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
-
- ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 10 - 25 เมตร เรือนยอดรูปร่มแผ่กว้าง
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
-
- ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 10 - 25 เมตร เรือนยอดรูปร่มแผ่กว้าง
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
- เปลือก สีเทาเข้มหรือน้ำตาลอม เหลืองขรุขระ และแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบรูปขนนกสองชั้น เรียงสลับมีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 2 - 4 คู่ แผ่นใบย่อยเล็ก 2 - 5 คู่ รูปขอบขนานเบี้ยว หรือรูปรี กว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 3 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนสอบและเบี้ยว
- ดอก ดอกเล็กสีขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบกระจุกรูปร่มค่อนข้างกลม บริเวณซอกใบ และที่ปลายกิ่ง
- ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน แบนและบาง กว้าง 3 - 4 เซนติเมตร ยาว 20 - 35 เซนติเมตร ปลาย และโคนมน สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมเหลือง ผิวเกลี้ยงเป็นมัน เมื่อแห้งสีฟางข้าว มีเมล็ดแบนรี 4 - 12 เมล็ด
การขยายพันธุ์ :
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
-
1. การเพาะเมล็ด
2. การตอนกิ่ง
2. การตอนกิ่ง
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
-
อาหาร,สมุนไพร,เครื่องจักสานและเครื่องใช้สอย,เนื้อไม้ใช้ทำด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร
-
ใช้ปลีทำอาหาร ใบห่อของ, ปลีทำอาหาร ใบห่อของ
-
อาหาร
-
เมล็ดและเปลือกมีรสฝาด เป็นยาสมาน เช่น รักษาแผลในปาก ในลำคอ เหงือกหรือฟันผุ ริดสีดวงทวารหนัก แก้ท้องร่วง ห้ามเลือดตกใน เมล็ดรักษากลากเกลื้อน โรคเรื้อน ทำยารักษาเยื่อตาอักเสบ ใบใช้ดับพิษร้อนทำให้เย็น
ส่วนของตัวอย่างที่นำมาใช้ :
-
ฝักอ่อน
ที่มาของข้อมูล
-
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ระบบนิเวศป่าไม้ (Forest Ecosystem) โครงการติดตามและวิเคราะห์ประเมินสถานภาพความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่วิกฤตทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Hotspots) จังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 กันยายน 2554
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ระบบนิเวศแห้งแล้งและกึ่งชื้น (Dry and Sub-humid Ecosystem) โครงการติดตามและวิเคราะห์ประเมินสถานภาพความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่วิกฤตทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Hotspots) จังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา, ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 กันยายน 2554
-
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
-
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
-
รายงาน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทย: การจัดทำแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการฟื้นฟูและบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในเมือง (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
-
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
-
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)
-
พืชสมุนไพร ป่าชุมชนตะลุมพุก, โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่รอบป่ามรดกโลก "ดงพญาเย็น-เขาใหญ่" ฝั่งตะวันออก, กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช