ข้อมูลสิ่งมีชีวิต


วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ไม้ต้นผลัดใบ สูง 10-15 ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กว้าง กว้าง 7-23 ซม. ยาว 10-28 ซม. ดอกขนาดเล็ก แยกเพศ ดอกเพศผู้มีขนละเอียด กลีบเลี้ยง 2-3 มม. กลีบดอกยาว 3-5 มม. ดอกเพศเมียมีขนยาวนุ่มปกคลุมรังไข่และก้านเกสรเพศเมีย ผลทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดทน ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย.
- ไม้ต้นผลัดใบ สูง 10-15 ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กว้าง กว้าง 7-23 ซม. ยาว 10-28 ซม. ดอกขนาดเล็ก แยกเพศ ดอกเพศผู้มีขนละเอียด กลีบเลี้ยง 2-3 มม. กลีบดอกยาว 3-5 มม. ดอกเพศเมียมีขนยาวนุ่มปกคลุมรังไข่และก้านเกสรเพศเมีย ผลทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดทน ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย.
- ไม้ต้นผลัดใบ สูง 10-15 ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กว้าง กว้าง 7-23 ซม. ยาว 10-28 ซม. ดอกขนาดเล็ก แยกเพศ ดอกเพศผู้มีขนละเอียด กลีบเลี้ยง 2-3 มม. กลีบดอกยาว 3-5 มม. ดอกเพศเมียมีขนยาวนุ่มปกคลุมรังไข่และก้านเกสรเพศเมีย ผลทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดทน ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย.
- ไม้ต้นผลัดใบ สูง 10-15 ม. ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กว้าง กว้าง 7-23 ซม. ยาว 10-28 ซม. ดอกขนาดเล็ก แยกเพศ ดอกเพศผู้มีขนละเอียด กลีบเลี้ยง 2-3 มม. กลีบดอกยาว 3-5 มม. ดอกเพศเมียมีขนยาวนุ่มปกคลุมรังไข่และก้านเกสรเพศเมีย ผลทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดทน ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย.
- ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. ใบรูปรีหรือรูปไข่กว้าง ยาว 10-28 ซม. ปลายมน โคนกลมหรือเว้าตื้น เส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำนวนอย่างละ 4 กลีบ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ก้านดอกยาวประมาณ 3 มม. กลีบเลี้ยงรูประฆัง ยาว 2-3 มม. แฉกลึกประมาณหนึ่งส่วนสาม มีขนด้านนอก ดอกรูปคนโท ยาว 3-5 มม. แฉกลึก เกสรเพศผู้มี 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ดอกเพศเมียออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ กลีบเลี้ยงแฉกลึก ด้านนอกมีขน รังไข่มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ผลเกือบกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. กลีบเลี้ยงรูปรี แฉกลึก พับงอกลับ ก้านผลยาวประมาณ 1 ซม. เอนโดสเปิร์มมีลาย
การกระจายพันธุ์ :
- -
- -
- -
- -
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
- พื้นที่ชุ่มน้ำหนองบงคาย
- อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อุตรดิตถ์, อำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย แพร่
- เทือกเขาห้วยตูน อ.ร้องกวาง แพร่ และ เขาดอยติ้ว อ.ท่าวังผา น่าน
- อำเภอเชียงคำ อำเภอปง พะเยา, อำเภอสองแคว น่าน
- ป่าดอยอินทนนท์, เขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ
- ผาแต้ม
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทับพญาลอ
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ป่าเขาภูหลวง
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ภูสันเขียว
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย
- อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
- อุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ
- อุทยานแห่งชาติ คลองลาน
- อุทยานแห่งชาติ คลองลาน
- อุทยานแห่งชาติ คลองวังเจ้า
- อุทยานแห่งชาติ แจ้ซ้อน
- อุทยานแห่งชาติ ดอยจง
- อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง
- อุทยานแห่งชาติ ดอยหลวง
- อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
- อุทยานแห่งชาติ ตาดโตน
- อุทยานแห่งชาติ ถ้ำผาไท
- อุทยานแห่งชาติ ทับลาน
- อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง
- อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
- อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง
- อุทยานแห่งชาติ น้ำตกแม่สุรินทร์
- อุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม
- อุทยานแห่งชาติ ผาแต้ม
- อุทยานแห่งชาติ ภูซาง
- อุทยานแห่งชาติ ภูแลนคา
- อุทยานแห่งชาติ ภูสระดอกบัว
- อุทยานแห่งชาติ แม่ยม
- อุทยานแห่งชาติ แม่วะ
- อุทยานแห่งชาติ แม่วาง
- อุทยานแห่งชาติ ลานสาง
- อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
- อุทยานแห่งชาติ ศรีลานนา
- อุทยานแห่งชาติ ศรีสัชนาลัย
- อุทยานแห่งชาติ สาละวิน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาสนามเพรียง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เชียงดาว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดงใหญ่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาช้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยผาเมือง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยหลวง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตะเบาะ-ห้วยใหญ่
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ำเจ้าราม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผาผึ้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูขัด
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเขียว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูผาแดง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูเมี่ยง-ภูทอง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูวัว
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่จริม
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ตื่น
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่น้ำภาชี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่ยวมฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลำน้ำน่านฝั่งขวา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลุ่มน้ำปาย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เวียงลอ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สันปันแดน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สาละวิน
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยศาลา
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อย
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผาง
- บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
- ยโสธร,อำนาจเจริญ,อุบลราชธานี
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
- อุตรดิตถ์,แพร่
- แพร่,น่าน
- พะเยา,น่าน
- เชียงใหม่
- อุบลราชธานี
- พะเยา, เชียงราย
- นครราชสีมา
- อุตรดิตถ์
- อุตรดิตถ์
- แม่ฮ่องสอน
- อุบลราชธานี
- อุบลราชธานี
- กำแพงเพชร
- กำแพงเพชร
- กำแพงเพชร, ตาก
- ลำปาง
- ลำปาง, ลำพูน
- พะเยา
- เชียงราย, ลำปาง, พะเยา
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- แม่ฮ่องสอน
- นครราชสีมา, ปราจีนบุรี
- เพชรบูรณ์, พิษณุโลก
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- แม่ฮ่องสอน
- ชัยภูมิ
- อุบลราชธานี
- พะเยา, เชียงราย
- ชัยภูมิ
- มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ
- ลำปาง, แพร่
- ลำปาง, ตาก
- เชียงใหม่
- ตาก
- เชียงใหม่
- เชียงใหม่
- สุโขทัย
- แม่ฮ่องสอน
- ชลบุรี
- กำแพงเพชร
- เชียงใหม่
- บุรีรัมย์
- พะเยา, น่าน
- พะเยา, น่าน
- ลำพูน, ลำปาง
- ลำพูน, ลำปาง
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แพร่
- ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
- ชัยภูมิ, เพชรบูรณ์
- สุโขทัย, ลำปาง
- สุโขทัย, ลำปาง
- กาญจนบุรี, ตาก
- ชัยภูมิ
- พิษณุโลก
- ชัยภูมิ
- ชัยภูมิ
- เพชรบูรณ์
- พิษณุโลก
- พิษณุโลก
- พิษณุโลก
- บึงกาฬ
- กาฬสินธุ์
- อุตรดิตถ์
- ตาก
- ตาก
- ราชบุรี
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แพร่, อุตรดิตถ์
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- พะเยา
- กาญจนบุรี
- กาญจนบุรี
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- สุรินทร์
- ศรีสะเกษ
- เชียงใหม่
- กาญจนบุรี
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- แม่ฮ่องสอน
- อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ตาก
- สุรินทร์
- ศรีสะเกษ
- เชียงใหม่
- ตาก
- ลำปาง
- พื้นที่ลุ่มน้ำลำเซบาย
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
- ไม้ต้น
- จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาอมขาว ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน (ลาวและกัมพูชา) ส่วนในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรังและตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-500 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่กว้าง หรือรูปไข่ถึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลมหรือคล้ายรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-23 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-28 เซนติเมตร เนื้อใบเกลี้ยงและหนา ผิวใบด้านล่างมีขนหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-12 คู่ เห็นเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสั้นนุ่ม ส่วนใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งเหนือง่ามใบ ช่อหนึ่งมักมีดอกประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปคนโท ยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ปลายแฉกลึกประมาณ 1/3 ส่วน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร กลีบแฉกลึกประมาณ 1/3 มีขนด้านนอก โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้มีประมาณ 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ก้านดอกยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน รังไข่ทรงรี มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปคนโท ด้านนอกมีขน ส่วนด้านในเรียบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปกลมป้อม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีขนด้านดอก ปลายกลีบแฉกเกินกึ่งหนึ่งเกือบจรดโคน กลีบพับงอเล็กน้อย มีก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เอนโดสเปิร์มมีลาย เมื่อแก่แห้งเป็นสีดำและไม่แตก ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
- จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาอมขาว ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน (ลาวและกัมพูชา) ส่วนในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรังและตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-500 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่กว้าง หรือรูปไข่ถึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลมหรือคล้ายรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-23 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-28 เซนติเมตร เนื้อใบเกลี้ยงและหนา ผิวใบด้านล่างมีขนหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-12 คู่ เห็นเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสั้นนุ่ม ส่วนใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งเหนือง่ามใบ ช่อหนึ่งมักมีดอกประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปคนโท ยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ปลายแฉกลึกประมาณ 1/3 ส่วน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร กลีบแฉกลึกประมาณ 1/3 มีขนด้านนอก โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้มีประมาณ 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ก้านดอกยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน รังไข่ทรงรี มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปคนโท ด้านนอกมีขน ส่วนด้านในเรียบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปกลมป้อม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีขนด้านดอก ปลายกลีบแฉกเกินกึ่งหนึ่งเกือบจรดโคน กลีบพับงอเล็กน้อย มีก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เอนโดสเปิร์มมีลาย เมื่อแก่แห้งเป็นสีดำและไม่แตก ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
- จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาอมขาว ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน (ลาวและกัมพูชา) ส่วนในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรังและตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-500 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่กว้าง หรือรูปไข่ถึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลมหรือคล้ายรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-23 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-28 เซนติเมตร เนื้อใบเกลี้ยงและหนา ผิวใบด้านล่างมีขนหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-12 คู่ เห็นเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสั้นนุ่ม ส่วนใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งเหนือง่ามใบ ช่อหนึ่งมักมีดอกประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปคนโท ยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ปลายแฉกลึกประมาณ 1/3 ส่วน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร กลีบแฉกลึกประมาณ 1/3 มีขนด้านนอก โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้มีประมาณ 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ก้านดอกยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน รังไข่ทรงรี มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปคนโท ด้านนอกมีขน ส่วนด้านในเรียบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปกลมป้อม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีขนด้านดอก ปลายกลีบแฉกเกินกึ่งหนึ่งเกือบจรดโคน กลีบพับงอเล็กน้อย มีก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เอนโดสเปิร์มมีลาย เมื่อแก่แห้งเป็นสีดำและไม่แตก ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
- จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาอมขาว ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน (ลาวและกัมพูชา) ส่วนในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรังและตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-500 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่กว้าง หรือรูปไข่ถึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลมหรือคล้ายรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-23 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-28 เซนติเมตร เนื้อใบเกลี้ยงและหนา ผิวใบด้านล่างมีขนหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-12 คู่ เห็นเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสั้นนุ่ม ส่วนใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งเหนือง่ามใบ ช่อหนึ่งมักมีดอกประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปคนโท ยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ปลายแฉกลึกประมาณ 1/3 ส่วน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร กลีบแฉกลึกประมาณ 1/3 มีขนด้านนอก โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้มีประมาณ 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ก้านดอกยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน รังไข่ทรงรี มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปคนโท ด้านนอกมีขน ส่วนด้านในเรียบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปกลมป้อม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีขนด้านดอก ปลายกลีบแฉกเกินกึ่งหนึ่งเกือบจรดโคน กลีบพับงอเล็กน้อย มีก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เอนโดสเปิร์มมีลาย เมื่อแก่แห้งเป็นสีดำและไม่แตก ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
- จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาหรือสีเทาอมขาว ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน (ลาวและกัมพูชา) ส่วนในประเทศไทยพบได้แทบทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ โดยมักขึ้นตามป่าเต็งรังและตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-500 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่กว้าง หรือรูปไข่ถึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลมหรือคล้ายรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-23 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-28 เซนติเมตร เนื้อใบเกลี้ยงและหนา ผิวใบด้านล่างมีขนหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-12 คู่ เห็นเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน ก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสั้นนุ่ม ส่วนใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง ดอกเป็นแบบแยกเพศ อยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อหรือออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามกิ่งเหนือง่ามใบ ช่อหนึ่งมักมีดอกประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปคนโท ยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ปลายแฉกลึกประมาณ 1/3 ส่วน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร กลีบแฉกลึกประมาณ 1/3 มีขนด้านนอก โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้มีประมาณ 20-30 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนยาว ก้านดอกยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกสั้น ๆ ช่อละ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน รังไข่ทรงรี มีขนคล้ายขนแกะ มี 6 ช่อง ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปคนโท ด้านนอกมีขน ส่วนด้านในเรียบ ก้านดอกยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปกลมป้อม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีขนด้านดอก ปลายกลีบแฉกเกินกึ่งหนึ่งเกือบจรดโคน กลีบพับงอเล็กน้อย มีก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เอนโดสเปิร์มมีลาย เมื่อแก่แห้งเป็นสีดำและไม่แตก ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
- ไม้ต้น
ระบบนิเวศ :
- ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ความสูง 100-500 เมตร
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
- สมุนไพร,ที่อยู่อาศัย,ทำเฟอร์นิเจอร์ แก่นและรากต้มหรือฝนกินใช้เป็นยาแก้ไข้
- ตำรับยาไทยมักใช้ร่วมกับตับเต่าน้อย แก่นและรากใช้ต้มหรือฝนกินเป็นยาแก้ไข้ ลดไข้ ดับพิษร้อน แก้ร้อนใน แก้พิษไข้ แก้พิษทั้งปวง แก่นและรากมีรสฝาดเอียนเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้วัณโรค ด้วยการนำมาต้มกับน้ำกิน เปลือกใช้เป็นยารักษาโรครำมะนาด น้ำต้มจากแก่นและรากมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงปอด ตำรับยาพื้นบ้านจะใช้เปลือกต้น ผสมกับลำต้นเฉียงพร้านางแอ และลำต้นหนามแท่ง นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ผิดสำแดง รากตับเต่า ต้นใช้ผสมกับรากโคลงเคลงขน และหญ้าชันกาดทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาเจียนเป็นเลือดและถ่ายเป็นเลือด เปลือกใช้ปรุงเป็นยาแก้ท้องร่วง ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้เปลือกต้นตับเต่าต้น ผสมกับรากขี้เหล็ก รากสลอด และรากหญ้าเรงชอน นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคทางเดินปัสสาวะ ใช้แก่นตับเต่าต้น 2 กำมือ นำมาต้มให้สตรีหลังคลอด ดื่มวันละ 3-4 ครั้ง ตลอดช่วงที่อยู่ไฟเป็นยาบำรุงเลือด เปลือกต้นและใบตับเต่าต้นใช้ผสมกับลำต้นตับเต่าเครือ ใบหรือรากกล้วยเต่า และผักบุ้งร้วมทั้งต้น นำมาบดให้เป็นผงละเอียด ละลายกับน้ำร้อนดื่มเป็นยารักษาโรคมะเร็งในตับ รากใช้ปรุงเป็นยารักษาแผลเรื้อรัง
ที่มาของข้อมูล
พิพิธภัณฑ์
Barcode ชื่อพิพิธภัณฑ์ จังหวัด ลักษณะ
Barcode ชื่อพิพิธภัณฑ์ จังหวัด ลักษณะ