ข้อมูลสิ่งมีชีวิต
วันที่อัพเดท : 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
วันที่สร้าง: 12 มิ.ย. 2566 12:11 น.
ข้อมูลทั่วไป
ระบบนิเวศ :
-
Scrub, open grasslands.
การกระจายพันธุ์ :
-
India, China, Myanmar, Laos, Cambodia.
-
พบตามพื้นที่โล่งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ต่างประเทศพบในพม่า และอินเดีย
-
พบตามพื้นที่โล่งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ต่างประเทศพบในพม่า และอินเดีย
แหล่งที่พบภายในประเทศ :
-
Northern,Northeastern
-
ป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน
-
สุรินทร์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
-
ใบ 2 - 3 ใบ ใบแผ่ราบกับพื้นดิน ใบรูปกลมแกมรูปไข่ สีเขียว ขอบใบสีแดงคลํ้า มีขนอ่อนบริเวณท้องใบ ช่อดอกออกเป็นช่อตรงกลางระหว่างใบ ใบประดับสีขาวแกมเขียว กลีบดอกและสเตมิโนดสีขาว กลีบปากสีขาวมีแต้มสีม่วงที่โคนกลีบ ปลายเว้าลึก ก้านเกสรเพศผู้สั้น อับเรณูมีรยางค์สีขาว
-
ใบ 2 - 3 ใบ ใบแผ่ราบกับพื้นดิน ใบรูปกลมแกมรูปไข่ สีเขียว ขอบใบสีแดงคลํ้า มีขนอ่อนบริเวณท้องใบ ช่อดอกออกเป็นช่อตรงกลางระหว่างใบ ใบประดับสีขาวแกมเขียว กลีบดอกและสเตมิโนดสีขาว กลีบปากสีขาวมีแต้มสีม่วงที่โคนกลีบ ปลายเว้าลึก ก้านเกสรเพศผู้สั้น อับเรณูมีรยางค์สีขาว
-
จัดเป็นพืชลงหัวขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเหง้าสั้น และรากเป็นกระจุก หัวเปราะป่า หรือเหง้าสั้น และมีขนาดเล็ก ลักษณะของเหง้าเป็นรูปทรงกลม สีน้ำตาล ที่ผิวมีรอยข้อปล้องอย่างชัดเจน ออกรากจากเหง้าหลักเป็นเส้นกลมยาว เหง้ามีกลิ่นหอม รสร้อนเผ็ดและขมจัด
รายละเอียดอื่นๆ ของแหล่งที่พบ :
-
พื้นที่ชุ่มน้ำหนองบงคาย
-
สุรินทร์
-
บ้านทำนบ หมู่ที่ 4 ต.กันตวจระมวล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา :
-
ใบ - มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบอ่อนจะม้วนเป็นกระบอกตั้งขึ้น เมื่อแก่จะแผ่ราบบนหน้าดิน ใบไม่มีก้านใบ ในหนึ่งต้นจะมีใบเพียง 2 ใบ ใบมีสีเขียวเข้ม ขอบใบมีสีม่วงแดง ลักษณะของเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม หลังใบเรียบ ด้านล่างมีขน มีขนาดความกว้างประมาณ 8-14 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-11.5 เซนติเมตร มีกาบใบยาวประมาณ 5 เซนติเมตร กาบใบที่ไม่มีใบจะยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มีลิ้นใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร
ดอก - ช่อดอกแทงออกมาจากตรงกลางระหว่างกาบใบทั้งสอง มีกลีบดอกเป็นหลอดยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบรูปแถบ กลีบหลังยาว และมีขนาดกว้างกว่ากลีบข้าง โดยกลีบหลังจะมีความยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ส่วนกลีบข้างจะกว้างประมาณ 0.3 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2.4 เซนติเมตร ดอกเปราะป่ามีสีขาว กลีบดอกมีลักษณะบอบบาง มีดอกย่อยประมาณ 6-8 ดอก มีใบประดับสีขาวอมเขียว ลักษณะเป็นรูปใบหอก กว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 3.2 เซนติเมตร โดยเกสรตัวผู้ที่เป็นหมันจะมีสีขาว ลักษณะเป็นรูปไข่กลับแกมรูปลิ่ม มีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ที่กลีบปากมีสีม่วง มีแถบสีขาวอยู่ระหว่างเส้นกลางกลีบกับขอบกลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลีบแกมรูปลิ่ม กว้างประมาณ 1.8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2.2 เซนติเมตร มีปลายหยักและลึกมาก เกสตัวผู้นั้นเกือบไม่มีก้านหรืออาจมีก้านยาวเพียง 1 มิลลิเมตร ส่วนอับเรณูจะยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร มีรังไข่ขนาดกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นหลอดยาว ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตรและส่วนปลายแยกเป็น 2 แฉก
ผล - ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ มีสีขาว แตกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีน้ำตาล
ดอก - ช่อดอกแทงออกมาจากตรงกลางระหว่างกาบใบทั้งสอง มีกลีบดอกเป็นหลอดยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นกลีบรูปแถบ กลีบหลังยาว และมีขนาดกว้างกว่ากลีบข้าง โดยกลีบหลังจะมีความยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ส่วนกลีบข้างจะกว้างประมาณ 0.3 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2.4 เซนติเมตร ดอกเปราะป่ามีสีขาว กลีบดอกมีลักษณะบอบบาง มีดอกย่อยประมาณ 6-8 ดอก มีใบประดับสีขาวอมเขียว ลักษณะเป็นรูปใบหอก กว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 3.2 เซนติเมตร โดยเกสรตัวผู้ที่เป็นหมันจะมีสีขาว ลักษณะเป็นรูปไข่กลับแกมรูปลิ่ม มีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ที่กลีบปากมีสีม่วง มีแถบสีขาวอยู่ระหว่างเส้นกลางกลีบกับขอบกลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลีบแกมรูปลิ่ม กว้างประมาณ 1.8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2.2 เซนติเมตร มีปลายหยักและลึกมาก เกสตัวผู้นั้นเกือบไม่มีก้านหรืออาจมีก้านยาวเพียง 1 มิลลิเมตร ส่วนอับเรณูจะยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร มีรังไข่ขนาดกว้างประมาณ 2 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นหลอดยาว ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตรและส่วนปลายแยกเป็น 2 แฉก
ผล - ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ มีสีขาว แตกเป็น 3 พู ภายในผลมีเมล็ดลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีน้ำตาล
ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์
รายละเอียดการนำมาใช้ประโยชน์ :
-
หัวหรือเหง้าใต้ดินใช้ผสมกับตัวยาอื่นเพื่อเข้าตำรับยา ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ไข้ ช่วยแก้หวัด โดยใช้หัวตำผสมกับหัวหอม ใช้สุมกระหม่อมเด็กจะช่วยบรรเทาอาการได้ ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้กำเดา โดยใช้หัวตำผสมกับหัวหอม ใช้สุมกระหม่อมเด็ก ดอกเปราะป่าช่วยแก้อาการอักเสบตาแฉะ ใช้รักษาเด็กที่ชอบนอนผวาตาเหลือกช้อนดูหลังคา น้ำคั้นจากใบและเหง้านำมาใช้ป้ายคอ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ หัวมีสรรพคุรเป็นยาแก้เสมหะ ช่วยขับลมในลำไส้
ที่มาของข้อมูล
-
Checklist of Plants in Thailand Volume I ปี 2557 สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
องค์การสวนพฤกษศาสตร์
-
รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ชุ่มน้าของประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2561
-
โครงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมป่าชุมชนอาลอ-โดนแบน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น, กองทุนสิ่งแวดล้อม, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
หนังสือ พรรณไม้มีคุณค่าจากป่าสาธารณะประโยชน์ บ้านทำนบ, กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
พืชสมุนไพร ป่าชุมชนตะลุมพุก, โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่รอบป่ามรดกโลก "ดงพญาเย็น-เขาใหญ่" ฝั่งตะวันออก, กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช